ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บของซีกโลกเหนือไม่ใคร่เป็นมิตรต่อใครก็ตามสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะสาวจากเมืองร้อนที่ไม่สันทัดแม้การใส่เสื้อผ้าหนาและการเดินย่ำบนพื้นน้ำแข็ง แต่กระนั้น ภายใต้บรรยากาศอึมครึมชวนซึมเศร้า ยังมีความงดงามของธรรมชาติที่ไม่อาจเห็นได้ในฤดูกาลอื่น แต่อาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติเสียหน่อยเพื่อบันทึกหลักฐานความงดงามนั้น

ยามเช้าปลายเดือนธันวาคม ฉันกำลังอยู่เหนือทะเลบอลติก วันนี้ตื่นเช้ากว่าทุกทีเพราะหวังจะได้ยลพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นริมขอบฟ้า ณ ชายขอบโลก แม้อุณหภูมิจะลดลงต่ำ แม้สายลมทะเลจะรุนแรง แต่สำหรับคนที่ดั้นด้นมาจากแดนไกลแล้ว คงมีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์เช่นนี้

แรกเริ่มเดิมทีฉันตั้งใจเพียงบันทึกภาพพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า แต่เมื่อเรือแล่นไป แล่นไป จากผืนทะเลกว้างใหญ่เข้าใกล้คาบสมุทรไปเรื่อยๆ สิ่งที่ค่อยๆ ทยอยปรากฏขึ้นมาคือกลุ่มเกาะแก่งน้อยใหญ่ หรือ Archipelago ที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวราวผงแป้งกระจัดกระจายทั่วบริเวณ บนเกาะเหล่านั้นมีบ้านเรือนสีสันสดใสไม่กี่หลังที่ไร้วี่แววผู้อาศัย แต่ก็พอเข้าใจเพราะใครๆ ก็อยากหนีหนาว

ยามสายเมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าแล้วหายลับกลับเข้ากลีบเมฆ เหลือเพียงฉันที่ยังยืนขาสั่น ลั่นไกชัตเตอร์ไม่ไปไหนอยู่บนดาดฟ้าเรือกับผืนฟ้าครึ้มเมฆ ทั้งที่ใจอยากหลบเข้าซบไออุ่น แต่ก็กลัวพลาดเห็นมุมสวยระหว่างทาง ลมทะเลก็ยังรุนแรงพัดใส่จนหน้าชามือชาชนิดที่ห่อทั้งตัวแล้วก็ยังชา ฉันผลุบเข้าผลุบออกดาดฟ้า มารับลมหนาวจัดต่ำกว่า -6 องศาเซลเซียสร่วม 6 ชั่วโมง เพื่อเก็บบรรยากาศความหนาวเย็นของเกาะแก่งใกล้กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เป็นความงดงามในความโหดร้ายทารุณที่ทั้งประทับใจและทรมานจนยากจะลืมเลือน

Writer & Photographer

นิธิตา เฉิน

นิธิตา เฉิน

นักเล่าเรื่องและครีเอทีฟอิสระผู้อยากสื่อสารประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อมให้สนุกและสร้างสรรค์