เมื่อ 1 มกราคมปีที่แล้ว ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกจำนวนมากพร้อมใจงดแจกถุงพลาสติกหูหิ้วแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เพื่อผลักดันให้ประชาชนมีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะพลาสติกที่เราใช้นั้น กลายเป็นขยะที่อยู่บนผืนดินและผิวน้ำอย่างยาวนานกว่าจะย่อยสลาย ปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม เป็นอันตรายต่อสัตว์และพืชพันธุ์ต่างๆ
แต่การก่นด่าต่อว่าพลาสติกเป็นผู้ร้ายไม่น่าให้อภัยก็อาจไม่ยุติธรรมเท่าไร เพราะสารประกอบที่มีส่วนผสมไฮโดรคาร์บอนนี้ ยังคงมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และมนุษย์คงไม่อาจเลิกใช้พลาสติกได้ภายในเร็ววันนี้
ทางออกนอกจากลดการใช้ อาจเป็นการตามหาวิธีใช้พลาสติกให้ได้คุ้มค่าที่สุด และไม่ปล่อยให้หลุดรอดกลายเป็นขยะที่เปล่าประโยชน์หรือเป็นภัย
หนึ่งในองค์กรที่เฝ้าตามหาวิธีนั้นอย่างจริงจังคือ โลตัส ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ที่ดำเนินการเรื่องสิ่งแวดล้อมในหลากหลายด้านมาตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว เช่น การสร้างอาคารสถานที่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานทดแทนภายในร้านค้า รวมถึงผลักดันแคมเปญรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก มอบแต้มสะสมให้ลูกค้าเป็นของตอบแทนที่ช่วยกันไม่รับถุงพลาสติก และริเริ่ม #1มกราบอกลาถุง ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา จนเคยเป็นกระแสติดเทรนด์ในทวิตเตอร์
จากปรากฎการณ์นั้น โลตัสเล็งเห็นว่า ลูกค้าให้ความร่วมมือในการนำถุงผ้ามาซื้อของเป็นอย่างดี แต่บางส่วนก็ลืมหยิบมาหรือไม่สะดวก ด้วยเหตุนี้ ช่วงต้นปีที่แล้ว โลตัส จึงจับมือร่วมกับโครงการ “วน” (WON Project) ผลิต ‘ถุงคืนชีพ’ จากการรีไซเคิลพลาสติกเก่า ให้มีความหนาทนทาน รองรับน้ำหนักมากถึง 8 กิโลกรัม และวนใช้ซ้ำได้หลายครั้งสมชื่อ เพื่อรองรับลูกค้าและดูแลสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
หากถุงคืนชีพนี้เกิดชำรุด ลูกค้าสามารถนำกลับมาแลกใบใหม่ที่สาขาของโลตัสฟรี ส่วนถุงใบเก่านั้น โครงการ “วน” จะนำกลับไปรีไซเคิลเพื่อคืนชีวิตให้อีกครั้ง กลายเป็นวงจรการใช้ถุงพลาสติกที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่าการทำระบบปิดของบรรจุภัณฑ์ (Closed-loop Packaging System)
The Cloud มีโอกาสพูดคุยกับ คุณกมล บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) ผู้ริเริ่มโครงการ “วน” และ คุณสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท โลตัส ถึงความร่วมมือในการผลิตถุงคืนชีพนี้ และความท้าทายในการดำเนินโครงการรักษาสิ่งแวดล้อมของสององค์กรที่ข้องเกี่ยวกับพลาสติกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“หัวใจสำคัญคือพลาสติกและผู้บริโภคไม่ใช่ผู้ร้ายเสมอไป เราใช้พลาสติกได้ แต่ใช้อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด และจัดเก็บกลับเข้ามาในระบบอีกครั้งได้อย่างถูกวิธี” ทั้งสองคนบอกความเชื่อที่มีร่วมกัน
01
พลาสติกรีไซเคิล
โครงการ “วน” คือโครงการพิเศษอายุ 2 ปีครึ่งที่เกิดจากทีมด้านนวัตกรรมเฉพาะกิจของบริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ TPBI ธุรกิจผู้ผลิตและรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ก่อตั้งเมื่อราว 40 ปีก่อน ซึ่งปัจจุบันเขารับหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ควบคู่กับการเป็นทายาทรุ่นสองผู้คลุกคลีอยู่กับโรงงานในจังหวัดนครปฐมมาตั้งแต่เด็ก
เดิม TPBI รับรีไซเคิลพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่งออกไปขายต่างประเทศอยู่แล้ว ทำให้มีศักยภาพการผลิตและรีไซเคิลที่ครบครัน รวมถึงทราบความเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในโลกเป็นอย่างดี เช่นการแบนถุงพลาสติกใช้ครั้งเดียว ซึ่งเกิดขึ้นในต่างประเทศมาหลายปี
แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวนี้ สักวันจะส่งผลกระทบต่อตัวธุรกิจของเขาที่มีรายได้หลักจากถุงพลาสติก
“เรามองเห็นว่าพลาสติกเป็นปัญหาในหลายประเทศ แต่เราทำธุรกิจด้านนี้มาก็รู้ว่าพลาสติกไม่ได้แย่เสมอไป ถ้าจะมีใครสักคนขึ้นมาหาวิธีแก้ ก็ควรจะต้องเป็นพวกเรานี่แหละ”
คุณกมลเข้าใจดีว่าพลาสติกนำไปรีไซเคิลเพื่อทำประโยชน์ได้ แถมยังใช้พลังงานและปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการใช้หนึ่งครั้งน้อยกว่าวัตถุดิบอื่นๆ เสียอีก สิ่งที่เขาต้องหาคำตอบให้ได้คือ ทำอย่างไรให้พลาสติกไม่ถูกทิ้งเป็นขยะแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
02
แยกขยะ
ต้นตอหลักที่ทำให้พลาสติกนำกลับมารีไซเคิลไม่ได้ คือการทิ้งขยะโดยคัดแยกไม่ถูกวิธี เช่นทิ้งพลาสติกสะอาดในถังขยะทั่วไป ทั้งที่พลาสติกบางประเภทนำกลับมารีไซเคิลได้ หรือทิ้งพลาสติกปนเปื้อนที่ส่งกลิ่นจนทำให้นำกลับมาใช้งานลำบาก
พลาสติกเหล่านั้นจึงกลายเป็นสิ่งไร้ค่า หรือไม่ก็ต้องใช้ทั้งเวลาและพลังงานคัดแยกเพิ่มทันที
“เราเห็นต้นแบบจากประเทศอังกฤษ เขามีถังขยะแปะรูปถุงหูหิ้วอยู่ที่ถังรีไซเคิล หรือไม่ก็แยกถังออกมาเป็นพิเศษทำให้คนทิ้งถูก เลยคิดว่าน่าจะต้องเริ่มจากสื่อสารให้คนเข้าใจก่อนว่า พลาสติกแบบไหนรีไซเคิลได้และไม่ได้บ้าง ก็เจอว่ามีพลาสติกประมาณสิบชนิดที่รีไซเคิลได้ จุดเด่นที่จำง่ายคือเอานิ้วโป้งจิ้มแล้วพลาสติกยืดออกได้”
คุณกมลเล่าเคล็ดลับการแยกประเภทพลาสติกที่เราทำได้ด้วยตัวเอง เขาเริ่มทดลองสื่อสารผ่านการทำภาพกราฟิกที่ดูง่าย และแปะตัวอย่างขยะประเภทนั้นๆ ไว้บนถังขยะภายในบริษัท เพื่อให้คนรู้ว่าต้องทิ้งถังไหนภายในเวลาเพียงเสี้ยวนาที ปรากฏว่าคนแยกทิ้งขยะได้ถูกมากขึ้นจริงๆ พวกเขาจึงขยายไปตั้งจุดรับบริจาคพลาสติกสำหรับบุคคลทั่วไปตามที่ต่างๆ และประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ “วน”
03
โครงการ “วน” รับถุงพลาสติก เพื่อนำมาวนรีไซเคิลใช้ใหม่
เมื่อได้รับขยะพลาสติกจากผู้คนมากขึ้น ขั้นตอนถัดไปคือการรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่
เบื้องต้น โครงการ “วน” นำขยะเหล่านั้นรวมกับขยะที่รับซื้อจากโรงงานอื่นที่ไม่ได้ถนัดด้านรีไซเคิล มาผลิตเป็นถุงพลาสติกใหม่ ตามความเชี่ยวชาญที่มีอยู่และความต้องการของตลาด โจทย์ที่โครงการ “วน” คิดตอนออกแบบถุงนี้คือ ทำอย่างไรให้คนใช้ได้นานที่สุด จึงเกิดเป็นถุงพลาสติกจากพลาสติกรีไซเคิล 80 เปอร์เซ็นต์ที่มีความหนามากกว่า 36 ไมครอน รับน้ำหนักสิ่งของได้มากโดยไม่ขาด ใช้ซ้ำเพียง 4 รอบก็คุ้มกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ใช้ในการผลิต ในขณะที่ถุงผ้าต้องใช้ซ้ำถึง 131 ครั้ง
“ถุงประเภทที่เราทำมีในโลกนานแล้ว แต่มักถูกผลิตแบบถุงพลาสติกใช้ครั้งเดียว หนาประมาณสิบไมครอน เราแค่ทำให้หนาขึ้นและทำให้นำมารีไซเคิลซ้ำหลายรอบ ด้วยการเติมพลาสติกใหม่เข้าไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์” คุณกมลเล่า
ยิ่งใช้หลายรอบและนำกลับมารีไซเคิลอีกเมื่อใช้ถุงไม่ได้แล้ว ยิ่งช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เมื่อเทียบกับการผลิตบรรจุภัณฑ์อื่น
ส่วนการเติมพลาสติกใหม่เข้าไป เป็นความจำเป็นในการช่วยเสริมสภาพความแข็งแรงของเชื้อพลาสติกเมื่อเจอความร้อนในกระบวนการผลิต ที่ปกติทำให้โครงสร้างภายในเสื่อมลง
วิธีการนี้ทำให้โครงการ “วน” รีไซเคิลพลาสติกได้เรื่อยๆ แถมเศษขยะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของกระบวนการผลิตนี้ ยังนำไปรีไซเคิลได้อีกรอบ สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างแท้จริง
04
ถุงคืนชีพไทย
หลังจากโครงการ “วน” ผลิตถุงชนิดพิเศษนี้ไประยะหนึ่งจนผลงานเป็นที่ประจักษ์ พวกเขามีโอกาสพบทีมของโลตัสที่กำลังตามหาวิธีแก้ปัญหาพลาสติกอยู่ ถือเป็นการพบกันของสององค์กรที่มีพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกันในช่วงเวลาที่เหมาะสม
“โลตัสมีนโยบายการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ลูกค้ากำลังตามหาถุงที่ใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทนทาน และเหมาะสมกับการใช้งานไม่ว่าจะใส่ผลิตภัณฑ์ที่มีของเหลวหรือความชื้น เช่น อาหารสด รวมไปถึงการใส่ของหนัก เวลาเดินซื้อสินค้าอุปโภคมากๆ ก็ไม่เป็นอะไร ซึ่งโครงการ “วน” ทำสิ่งนี้พอดี” คุณสลิลลาเล่าว่า โครงการ “วน” เข้ามาช่วยมาเติมเต็มโจทย์ที่ค้างคาอย่างไร
และเพื่อปรับบริบทให้เหมาะสมกับเมืองไทย ทีมงานโลตัสจึงร่วมออกแบบลายของถุงคืนชีพให้น่ารักเข้าถึงง่าย เช่นลวดลายตามภูมิภาคและภาษาถิ่น ลายคาแรกเตอร์การ์ตูน และลายล่าสุด ลายผ้าไทยประจำ 4 ภาคที่มีในปัจจุบัน ชวนให้คนดูแลเก็บรักษาอย่างดี
05
ทีมเดียวกัน
เมื่อมาทำงานร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายและผู้บริโภคเป็นเหมือนทีมวิ่งผลัดที่ส่งไม้ต่อกันอย่างถูกจังหวะ
โครงการ “วน” รับบทบาทผลิต ‘ถุงคืนชีพ’ ส่งให้ทางศูนย์กระจายสินค้าของโลตัส ก่อนมีรถบรรทุกสินค้านำถุงพลาสติกเหล่านี้ส่งไปยังแต่ละสาขาพร้อมสินค้า
ส่วนทางโลตัส นอกจากรับหน้าที่จำหน่ายถุงตามแต่ละสาขาทั่วประเทศ พวกเขาเปลี่ยนจุดบริการลูกค้าให้กลายเป็นจุดรับแลกถุงคืนชีพ หากถุงนี้ของโลตัสชำรุด ผู้บริโภคก็นำกลับมาแลกใบใหม่ได้ทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
หลังจากนั้น ทางร้านจะรวมถุงชำรุดและขยะพลาสติกอื่นที่รีไซเคิลได้ตามคำแนะนำของโครงการ “วน” ส่งกลับมาที่ศูนย์กระจายสินค้า เพื่อส่งต่อให้โครงการ “วน” รับกลับไปรีไซเคิลเป็นถุงพลาสติกใบใหม่ กลายเป็นวงจรที่ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์
ด้วยความร่วมมือนี้ ทำให้โครงการ “วน” ได้รับบทบาทเป็น Extended Producer Responsibility (EPR) หรือผู้ผลิตที่มีความรับผิดชอบขยายออกไปมากกว่าแค่การผลิต
“ต้องชื่นชมทางโลตัสที่มีความตั้งใจเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วย เช่น การปรับโมเดลศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรับและส่งขยะพลาสติกกลับมาซึ่งต้องมีการลงทุน นี่ถือเป็นโมเดลนำร่องที่ดีมาก ต่อไปธุรกิจอื่นๆ อาจต่อยอดทำเป็นศูนย์รีไซเคิลที่ให้คนมาทิ้งขยะ และจบกระบวนการภายในแต่ละจังหวัดได้เลย แบบนั้นประเทศจะพัฒนามาก แต่ทั้งหมดนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับคนในประเทศเช่นกัน ที่จะต้องหันมาร่วมมือกันนำขยะพลาสติกกลับเข้าระบบมารีไซเคิลให้เกิดประโยชน์สูงสุด” คุณกมลยิ้มอย่างมีความหวัง
06
ไม่แพงไป ไม่ถูกไป
ปัจจุบัน ถุงคืนชีพ มีวางขายที่สาขา ราคาถุงเล็ก 3 บาท และถุงใหญ่ 5 บาท
อาจมีหลายคนตั้งคำถามว่า ร้านค้าปลีกที่ขายหรืองดการแจกถุงพลาสติกทำไปเพื่อประหยัดต้นทุน มากกว่าคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า ซึ่งคุณสลิลลาตอบคำถามนี้ได้อย่างมั่นใจ
“เวลาร้านค้าตั้งต้นทุนสินค้า เราไม่ได้เอาค่าถุงพลาสติกมารวมด้วยอยู่แล้ว และจริงๆ การงดแจกและหันมาจำหน่ายถุงรูปแบบนี้แทน ก็มีต้นทุนแฝงด้านการสื่อสารเยอะ บางคนซื้อของน้อยลง แต่เรายินดีรับส่วนนี้ไว้ เพราะเราต้องการขับเคลื่อนเรื่องสิ่งแวดล้อม และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ” คุณสลิลลาเชื่อว่า นี่เป็นสิ่งที่ธุรกิจพอจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้ พร้อมการดูแลสิ่งแวดล้อม
เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าธุรกิจไม่ได้มุ่งหวังกำไรจากช่องทางนี้ ในปีที่ผ่านมาโลตัสจึงนำเงินจากการจำหน่ายถุงคืนชีพบางส่วนไปบริจาคเป็นอุปกรณ์การแพทย์เพื่อพัฒนาโรงพยาบาลมะเร็งในชนบท 8 แห่งทั่วประเทศ
ส่วนทางด้าน โครงการ “วน” คุณกมลมองว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผลอย่างมีนัยสำคัญ
“เราคิดว่าสามหรือห้าบาทมีความหมายมากพอที่จะทำให้คนรู้สึกว่าถุงนี้มีค่า ไม่ใช่ได้ไปแล้วทิ้งง่ายๆ แบบไม่เห็นค่า แต่ก็ไม่แพงไปจนคนรู้สึกเอารัดเอาเปรียบ คนเข้าถึงได้” คุณกมลอธิบายจากมุมมองผู้ผลิต
07
การเติบโตของโครงการ “วน”
ปัจจุบันโครงการ “วน” ขยายจุดรับบริจาคขยะพลาสติกทั่วประเทศมากกว่า 300 แห่ง และรับพลาสติกกลับมารีไซเคิลมากกว่า 100,000 กิโลกรัม เกินความคาดหมายตอนเริ่มโครงการ
“ตอนแรกคิดว่าวางได้ห้าจุดบริจาคก็น่าดีใจแล้ว ทำมาเท่านี้ เราพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะ เห็นคนเข้ามาทำความรู้จัก และได้สื่อสารกับสังคมในฐานะผู้ประกอบการพลาสติก
“สำหรับเรา พลาสติกมีบุญคุณกับชีวิตคนในบริษัทมาก จะให้ไม่ทำอะไรกับเขาเลยก็คงไม่ใช่ สิ่งที่ทำได้คือบอกให้คนรับรู้ว่าพลาสติกไม่ใช่ผู้ร้ายเสมอ และเรามีทางออกของปัญหา” คุณกมลย้ำ
แต่เมื่อถุงพลาสติกนี้ใช้ซ้ำได้หลายครั้ง ในอนาคต ความต้องการของตลาดจะน้อยลง และส่งผลต่อรายได้ของโครงการ “วน” และ TPBI หรือเปล่า เราสงสัย
“คงใช่ ช่วงที่ผ่านมาเราเลยเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้หลากหลายไว้ด้วย” คุณกมลเล่า พร้อมหยิบถังที่พัฒนาจากกระบวนการ Upcycling ให้เราดู เป็นการยืนยันว่าธุรกิจยังมีทางไปต่ออย่างสร้างสรรค์ยั่งยืน
08
ก้าวต่อไปของโลตัส
ตลอด 1 ปีเต็มที่งดแจกถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โลตัสมองเห็นว่าโครงการนี้มีผลตอบรับที่ดี สังเกตเห็นได้จากพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป มีการนำถุงใช้ซ้ำติดตัวมาเอง ไม่ว่าจะเป็นถุงกระสอบ ถุงผ้า หรือถุงพลาสติกแบบหนาของโลตัส
โลตัสไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่เท่านั้น ในปีที่ผู้ประกอบการรายย่อยหรือ SME หลายแห่งขาดรายได้หรือต้องยุติอาชีพจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โลตัสต่อยอดและจัดทำโครงการ ‘ถุงคืนชีพ สร้างอาชีพ’ นำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายถุงยังชีพ มอบเป็นอุปกรณ์ทำอาหารเพื่อการประกอบอาชีพ ให้กับ SME ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงมอบเงินทุนสนับสนุนการฝึกสอนการประกอบอาชีพพื้นฐาน สำหรับการตั้งหลักครั้งใหม่ของ SME
“ความตั้งใจของเราในปีนี้เป็นการช่วยสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายหลักของโครงการถุงคืนชีพ และช่วยเหลือ เยียวยาผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน”
คุณสลิลลาอธิบายการต่อยอดโครงการที่ขยายจากการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเป้าหมายตั้งต้น สู่การช่วยเหลือชุมชน
หากร่วมมือร่วมใจกันคนละไม้คนละมือ คงมีวันที่เราอาศัยอยู่ร่วมกันกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นมิตร และผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปได้ด้วยกัน