เช้าวันหนึ่งกลางย่านเมืองเก่าที่รถวิ่งกันขวักไขว่อยู่บนถนนดินสอ ภาพเบื้องหน้าที่เราเห็นหลังก้าวเท้าสัมผัสฟุตพาท คือตึกแถวโบราณมากมายที่โอบล้อมพื้นที่ไว้ แต่พลันสายตาหันไปมองก็พบเจอสิ่งก่อสร้างที่ดูสะดุดตากว่าใครเพื่อน ‘Baan Tuk Din Hotel & Bar’ คือชื่อสถานที่แห่งนั้น

เจ้าของบ้านหลังนี้คือ ราจิต แสง-ชูโต ชายผู้มากด้วยความสามารถและมีผลงานประจักษ์ต่อสายตาด้านโฆษณา ผลงานครั้งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นทั้งโรงแรมและบาร์อย่างไม่ได้คาดฝัน

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม
Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

เขาเฉลยว่านี่คือบ้านเก่าที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลต่อจากแม่ ถึงแม้จะไม่มีความรู้ด้านบริหารโรงแรมเลยสักนิด เขาก็ยังคงคิดว่านี่คือสิ่งที่น่าสนุก ประจวบกับงานอดิเรกและประสบการณ์ที่สั่งสมมาเนิ่นนานอย่างการสะสมของเก่า เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่จุดประกายการเกิดโรงแรมนี้ขึ้น และนี่คือผลงานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความรัก ความตั้งใจ และความพากเพียรพยายามกว่า 6 ปี นับตั้งแต่ร่วมสร้างโรงแรมนี้มา

Old Town Old Boundary

Baan Tuk Din Hotel & Bar ประกอบไปด้วยตึกพาณิชย์ 4 ห้อง บ้านเก่าอีก 1 หลัง หลายคนอาจไม่ได้แปลกใจมากนักที่ยังเห็นบ้านเก่าในละแวกกรุงเทพฯ แต่บ้านหลังนี้โดดเด่นตรงที่สร้างขึ้นมาในปี 1898 หรือสมัยรัชกาลที่ 5 และตกทอดมายังตระกูลแสง-ชูโต ในรัชกาลที่ 6

เหตุผลที่ชื่อ ‘บ้านตึกดิน’ เพราะถนนดินสอในสมัยก่อนเป็นชุมชนส่งออกดินปืน-ดินระเบิดให้กับกระทรวงและวังรอบ ๆ จึงเรียกติดปากกันมาว่า ‘ชุมชนบ้านตึกดิน’

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม
Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

ราจิตเล่าว่าบ้านหลังนี้เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณชวด คุณยาย คุณแม่ และเขาก็เป็นผู้รับไม้ต่อดูแลมรดกชิ้นประวัติศาสตร์คนล่าสุด ในอดีตบ้านหลังนี้เคยปล่อยเช่าให้กับโรงแรมไทยวารี

“ตอนเด็ก ๆ ผมเคยมาเก็บค่าเช่ากับคุณยาย แถวนี้เป็นร้านขายของต่าง ๆ ก็จำภาพนั้นมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมโตขึ้นแล้วกลับมาดู ที่นี่มีสภาพเสื่อมโทรมมากจนแทบจำไม่ได้” เขาพูดขึ้น

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

Change the Old Home

ทำไมถึงกลับมาทำโรงแรม – เราถาม

เขาเล่าว่าที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำของคุณแม่ จึงอยากทำให้มีความพิเศษบางอย่างให้ท่านได้กลับมาเห็นอีกสักครั้ง ความคิดแรกคือร้านอาหาร แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกไปเพราะคิดว่าคงไม่เหมาะสม หลังจากกลับไปนอนคิดหลายตลบ จนสุดท้ายได้คำตอบใหม่ว่า “การทำโรงแรมคงจะสนุกดีนะ” ซึ่งเขาเชื่อว่าความคิดนี้ผิด 100% เพราะตัวเขาเองไม่รู้เรื่องการบริหารโรงแรมแม้แต่น้อย

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

สุดท้ายทุกสิ่งก็เกิดขึ้นจริง

เขาวางแผนเปิดโรงแรมที่มีบาร์ในตัวด้วย ‘คอนเซปต์ที่ไม่มีคอนเซปต์’ เพียงนำความชอบถ่ายทอดออกมาให้ทุกคนเห็นผ่านภาพจำและประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เขาได้รับจากการไปพำนักในแถบยุโรปและนิวยอร์ก รวมถึงของสะสมที่เก็บจนล้นบ้าน และนำมาตกแต่งโรงแรมขนาดกะทัดรัดได้อีก 1 หลัง

“จะคลาสสิกก็ไม่คลาสสิก จะโมเดิร์นก็ไม่โมเดิร์น ถึงเราชอบของคลาสสิก ของวินเทจ แต่ก็ไม่อยากให้มันเป็นความไม่สบาย เลยพลิกโฉมสิ่งต่าง ๆ ให้มีสัมผัสของปัจจุบันอยู่บ้าง” 

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม
Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

ด้วยระยะเวลาการสร้างที่ยาวนาน ราจิตบอกว่าความยากคือการที่ความชอบของเขาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ การออกแบบโรงแรมจึงปรับเปลี่ยนตามกาลเวลา จากสิ่งหนึ่งสู่สิ่งหนึ่ง จากแรงบันดาลใจของโรงแรมนั้นสู่โรงแรมนี้ ด้วยความคิดและความชอบที่ว่า โรงแรมแปลกน่าสนใจมากกว่าเป็นไหน ๆ เขาเพิ่มเสริมเติมแต่งโรงแรมมาตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี แต่สิ่งที่ยังยึดมั่นคือแนวคิดที่ว่า 

“ห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางต้องมีกลิ่นหอม แอร์เย็น ผสมผสานกับเฟอร์นิเจอร์ที่สะสมไว้”

Ban Tuk Din in the process

ตัวบ้านมีอายุ 100 กว่าปี คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนจะสนใจเรื่องความปลอดภัย ตัวเราก็ด้วย

“ขั้นตอนแรก เราเชิญวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญมาดูตึก ปรากฏว่าโครงอาคารแข็งแกร่งที่สุด ทั้งเสาและปูน แต่ตึกนี้จะกลายเป็นอาคารสาธารณะรองรับคนเข้ามาอยู่ เราเลยตัดสินใจเสริมเหล็กและเทคโนโลยีปัจจุบันเข้าช่วย เพื่อไม่ให้มันพังลงมา” เขาเล่าให้ฟังจนมั่นใจได้ว่าที่นี่ปลอดภัย

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม
Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

เรามองเห็นโครงสร้างต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ทั้งโถงทางเดินรวมไปถึงภายในห้องพัก เช่น จั่ว ซุ้มอิฐ และโครงเสา ทุกอย่างเด่นชัดราวกับเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่เสาบางต้นก็ไม่ได้คงสภาพ 100% ทางโรงแรมจึงนำ Tumbler Glass เข้ามาช่วยป้องกันแสง ลม และการสัมผัส เพื่อการอนุรักษ์ด้วย

ในอดีตนั้น ทุกห้องในบ้านเชื่อมถึงกันทั้งหมด ไม่มีกำแพงใด ๆ กั้นไว้แม้แต่น้อย รวมถึงหลาย ๆ องค์ประกอบของบ้านก็ได้รับอิทธิพลมาจากทางตะวันตก แต่ปัจจุบัน ราจิตจัดสรรพื้นที่ออกมาใหม่เป็น 3 โซน ได้แก่ โซนโรงแรม โซนบาร์ และโซนพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งโซนโรงแรมแบ่งเป็น 2 ตึก มีห้องพัก 5 ประเภท คือ The Deluxe, The Premier, The Duplex, The Junior Suite, และ The Royal Suite 

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

‘The Deluxe’ ตั้งอยู่ในตึกด้านหน้า ภายในทาด้วยสีน้ำเงินตัดกับม่านสีแดง วิวที่มองออกมาจากหน้าต่างเห็นถนนและบ้านเรือน ตกแต่งด้วยของสะสมตามสไตล์ที่แตกต่างกันของราจิต

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

‘The Premier’ เป็นห้องที่ขยับไซซ์ขึ้นมาอีกนิด ห้องอาบน้ำและห้องน้ำแยกฝั่งกัน สิ่งที่น่าสนใจคือการจัดวางเตียงนอนที่จุดกึ่งกลางห้อง ตรงข้ามกับหน้าต่างที่มองออกไปพบวิวบนถนนดินสอ

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

‘The Duplex’ ห้องนี้มีขนาดที่กะทัดรัดแต่แบ่งออกเป็น 2 ชั้น เอกลักษณ์คือบันไดวนที่ราจิตเก็บสะสม ชั้นล่างเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น ด้านบนเป็นห้องนอน และมีห้องน้ำทั้ง 2 ชั้น

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม
Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

‘The Junior Suite’ ห้องนี้มีลักษณะเป็นมุมแปดเหลี่ยม มองเผิน ๆ เหมือนทรงกลม หากเงยหน้ามองด้านบนจะเห็นโครงของบ้านที่ตั้งมุมฉากกัน บางห้องได้เห็นเสาเก่าที่ทางโรงแรมเก็บไว้เช่นกัน

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

‘The Royal Suite’ ห้องขนาดใหญ่ที่สุด แบ่งออกเป็นโซนห้องนอนและโซนนั่งเล่น โดยภายในห้องยังเผยให้เห็นถึงซุ้มโค้ง เผยเนื้ออิฐดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ และยังมีกลิ่นอายของบ้านโบราณอายุ 100 กว่าปี

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

สิ่งที่เหมือนกันทุกห้องคือขนาดของเตียงที่ราจิตสั่งทำขึ้นมาเฉพาะ เพราะเขาอยากให้แขกได้รับการพักผ่อนที่สบายที่สุดยามนอนหลับ และของตกแต่งทุกชิ้นภายในโรงแรมเป็นของสะสมของราจิต การได้มาดูกรุของสะสมจากนานาประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของบ้านตึกดินเลยก็ว่าได้

Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม
Baan Tuk Din โรงแรม-บาร์ในบ้าน 125 ปีสมัย ร.5 ของตระกูลแสง-ชูโต ตกแต่งสนุกจนเหมือนมิวเซียม

Cocktail Bar ถือเป็นความตั้งใจและสิ่งที่ราจิตอยากนำเสนอ จากความชอบเข้าบาร์สู่การมีบาร์เป็นของตัวเอง เมนูพิเศษคือ ค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อบ้านตึกดิน และมีวงดนตรีแจ๊สทุกคืนวันศุกร์ เล่นคลอไปกับเสียงเพลงที่เปิดจากลำโพง JBL Paragon แต่ถ้าใครไม่ใช่สายบาร์ก็ไม่มีปัญหา เพราะราจิตสร้าง Tea Bar ขึ้นมาทดแทนในช่วงกลางวัน

ทายาทรุ่นสี่แสง-ชูโต เปลี่ยนบ้าน 125 ปีเป็น Baan Tuk Din Hotel & Bar ให้แขกพักผ่อนอย่างสบายที่สุด พร้อมดื่มด่ำเมืองเก่ากรุงเทพฯ

ส่วนสุดท้ายคือ Common Area ที่เราหมายถึงทั้งล็อบบี้ สวนหย่อม และห้องหนังสือเขากวาง ในยุคเก่าก่อนห้องหนังสือนี้เคยเป็นชานระเบียง เขาปรับเปลี่ยนให้โซนนี้มีพื้นที่นั่งหย่อนใจ จิบชา อ่านหนังสือ และทำงาน พร้อมบานหน้าต่างเปิดกว้างให้มองเห็นบรรยากาศเมืองเก่า

ทายาทรุ่นสี่แสง-ชูโต เปลี่ยนบ้าน 125 ปีเป็น Baan Tuk Din Hotel & Bar ให้แขกพักผ่อนอย่างสบายที่สุด พร้อมดื่มด่ำเมืองเก่ากรุงเทพฯ

อีกหนึ่งสิ่งที่คาดว่าคงสะดุดตาทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชม คงไม่พ้นโครงกระดูกสัตว์ต่าง ๆ ที่จัดตั้งไว้ภายในห้องหนังสือ บาร์ และโถงทางเดิน ราจิตเล่าว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการที่เขาสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่รัก และอยากเก็บสิ่งที่รักไว้ใกล้ ๆ ตัว เขาจึงเริ่มสะสมโครงกระดูกสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นม้า ค้างคาว งู จนกระทั่งยีราฟ! ซึ่งทั้งหมดที่อยู่ภายในโรงแรมล้วนได้มาอย่างถูกกฎหมายและมีใบอนุญาตทั้งสิ้น 

Baan Tuk Din is coming to town

แม้บ้านตึกดินยังไม่เปิดให้เข้าพักอย่างเป็นทางการ แต่เสียงตอบรับของคนที่เคยมาเยือนก็เห็นพ้องในทางเดียวกันว่า เป็นสถานที่ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการตกแต่งจากความแตกต่างที่ไม่ได้ตั้งใจ

คุณคิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของบ้านตึกดิน – เราถาม

“(นิ่งคิด) จริง ๆ ไม่กล้าพูดว่าเสน่ห์ของที่นี่คืออะไร แค่สไตล์ยังไม่กล้าพูดด้วยซ้ำ จริง ๆ เราว่ามันเป็นสิ่งที่เราเห็นแล้วชอบ เรารู้สึกสบายใจเมื่อเห็นการตกแต่งแบบนี้” เขาตอบ

ทายาทรุ่นสี่แสง-ชูโต เปลี่ยนบ้าน 125 ปีเป็น Baan Tuk Din Hotel & Bar ให้แขกพักผ่อนอย่างสบายที่สุด พร้อมดื่มด่ำเมืองเก่ากรุงเทพฯ
ทายาทรุ่นสี่แสง-ชูโต เปลี่ยนบ้าน 125 ปีเป็น Baan Tuk Din Hotel & Bar ให้แขกพักผ่อนอย่างสบายที่สุด พร้อมดื่มด่ำเมืองเก่ากรุงเทพฯ

เขาคาดหวังว่าอยากให้ห้องพักและพนักงานกลายเป็นเสน่ห์ของโรงแรมให้ได้ในสักวัน จากประสบการณ์ที่เคยพูดคุยกับพนักงานโรงแรมอื่นอย่างสนุกสนาน ในวันที่ไม่มีแพลนจะไปไหนระหว่างการท่องเที่ยว เขาเชื่อมั่นว่าบางทีสถานที่อย่างเดียวก็ทำให้คนจดจำไม่ได้ แต่เราจะจดจำความรู้สึกของการพูดคุยกับคนได้ เพราะสิ่งนั้นมันมีชีวิต เขาเลยอยากให้ ‘ความมีชีวิต’ เกิดขึ้นในโรงแรมของตนเช่นกัน

นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้วาดฝันหรือคาดหวังสิ่งใดอีก รวมถึงไม่คาดหวังในกลุ่มคนที่จะเข้ามาพักด้วย 

เขาเพียงคิดว่า คงจะเป็นคนที่หลงใหลในของเก่าคล้าย ๆ กับเขาล่ะมั้ง

นั่นจึงเป็นอีกสิ่งที่ยืนยันว่า ราจิตสร้างโรงแรมนี้ขึ้นมาจากความไม่รู้ แต่ทุกสิ่งล้วนทำออกมาด้วยความเชื่อมั่นในความชอบของตนเอง ซึ่งเราเองก็มองว่าผลลัพธ์ที่ออกมางดงามมากจริง ๆ 

ทายาทรุ่นสี่แสง-ชูโต เปลี่ยนบ้าน 125 ปีเป็น Baan Tuk Din Hotel & Bar ให้แขกพักผ่อนอย่างสบายที่สุด พร้อมดื่มด่ำเมืองเก่ากรุงเทพฯ

3 Things

you should do

at Baan Tuk Din Hotel & Bar

01

Enjoy the Area เดินสำรวจเมืองเก่าที่รายล้อมไปด้วยสตรีทฟู้ด บาร์ และย่านเยาวราช ที่เจ้าบ้านเชื่อว่านี่คือถนนที่น่ารักแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

02

Enjoy the Cocktail at Tuk Din Bar ลองดื่มเมนูคลาสสิกและซิกเนเจอร์ที่คิดค้นขึ้นมาใหม่เพื่อบ้านตึกดิน

03

Enjoy the View at Baan Tuk Din ซึมซับบรรยากาศเมืองเก่า ผ่านการพักผ่อนที่บ้านตึกดิน ทั้งชิมชา อ่านหนังสือ และสร้างบทสนทนา

Baan Tuk Din Hotel & Bar

Writer

มานิตา สุนทรพจน์

มานิตา สุนทรพจน์

เด็กสาวชาวอุทัย ผู้นมัสการให้แด่สายผลิตงานสร้างสรรค์ และผู้ฝากความสุขอนันต์ไว้บนพุงแมวและชาเขียว

Photographer

โตมร เช้าสาคร

โตมร เช้าสาคร

ชอบถ่ายวิวมากกว่าคน ชอบกินเผ็ดและกาแฟมาก เป็นคนอีโค่เฟรนลี่ รักสีเขียว ชวนไปไหนก็ได้ไม่ติด ถ้ามีตัง