The Cloud มีโอกาสได้คุยกับ อะตอม ชนกันต์ ไปแล้วเมื่อ 6 ปีก่อน

เขาทักทายพวกเราตั้งแต่แรกเห็น คงเพราะช่วงนั้นที่เขาเรียกว่า ‘วัยเหล็กกำลังร้อน’ เป็นความทรงจำที่สำคัญต่อชีวิต

ปล่อยเพลงอะไรมาก็ดัง ประสบความสำเร็จติดกันจนเผลอคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา จะราดน้ำมันใส่กองไฟแค่ไหนก็ไม่กลัว ไม่ระวังตัวจนสุดท้ายกลายเป็นเนื้อที่เกือบไหม้

เพราะหลายปีต่อมา กราฟที่เคยพุ่งสูงกลับค่อย ๆ ดิ่งลง ประกอบกับโควิด-19 ที่เข้ามา ทำให้อาชีพนักร้องหยุดชะงัก เขาเริ่มรู้ว่าตัวเองเป็นใคร เท้ายืนติดพื้น เดินเข้าบ้านหลังใหม่อย่าง LOVEiS Entertainment พร้อมตัวตนใหม่ที่ไม่ใช่เหยื่อของความรักอีกแล้ว 

เขาเลิกฟูมฟายกับอดีตอันเจ็บปวด ไม่ติดค้างอะไรกับโลก หยุดคาดหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ปล่อยเพลงสุดแสบ Medium Rare ชวนเปรียบก้อนหัวใจเป็นเนื้อชิ้นดีบนเตาร้อนฉ่า

หากรักมันดิบไป ใจก็คงจะเย็นชืด แต่หากรักมันสุกไป ใจก็คงจะถูกเผา

แน่นอน หลายคนถือคติไม่ลองไม่รู้หรอก แต่กับเรื่องนี้ ศิลปินนักรักที่แต่งเพลงจากชีวิตจริงมีคำตอบให้ 

ว่ามันคุ้มกันไหม ถ้าเอาหัวใจตัวเองไปเล่นกับไฟ

แผลเป็น

ไหน ๆ เพลงใหม่ของคุณก็พูดเรื่องการเอาใจไปเล่นกับไฟ ช่วงชีวิตไหนของอะตอมที่เข้าใกล้การเล่นกับไฟที่สุด

(หัวเราะ) น่าจะช่วงที่เราเจอกันรอบที่แล้ว เป็นช่วงที่เหล็กกำลังร้อน

ช่วงนั้นเราใช้ชีวิตไม่ค่อยระวังตัว คือเล่นกับไฟ จำได้ว่าแต่ก่อนไปทัวร์ต่างจังหวัด เล่นผับไหนก็เที่ยวต่อผับนั้น ซึ่งน่ากลัวนะ แล้วก็ไม่ค่อยคิดถึงวันข้างหน้า ข้อดีคือเราไม่คิดมาก รู้ไม่เยอะเท่าไหร่ รู้บางอย่าง รู้เท่าที่ต้องรู้ ทำเท่าที่ต้องทำ เก็บเงินเก็บทองมาก็ไม่ได้ใช้เลย ไม่ได้เช็ก ไม่รู้ ทำงาน มีความสุข ลุย ๆๆๆ เที่ยว ๆๆๆ เราไม่รักษาสุขภาพเลย

6 ปีผ่านไป มองเห็นอะไรในอะตอมคนนั้น

(หัวเราะ)

ไม่เกี่ยวกับเรื่องตัวตนนะ แต่เกี่ยวกับเรื่องอายุมากกว่า จากรอบก่อนที่ได้เจอกัน เราก็มีประสบการณ์มากขึ้น ทั้งในแง่การทำงานและการใช้ชีวิต

เราเจอกันเพลง ช่วงนี้ เหล็กกำลังร้อน กำลังเมามัน ปล่อยอะไรมาก็ประสบความสำเร็จไปซะทุกเพลง โดยที่เราเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น แล้วก็พอมันเกิดขึ้นบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ ในช่วงเวลา 3 – 4 ปีนั้น เราเองก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ 

พอมองย้อนกลับไปก็… (จิ๊ปาก) ไม่ได้เสียใจหรือเสียดายว่าไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ แต่เราคงจะ Apprecriate มันมากกว่าที่เคยเป็น เพราะตอนนั้นเราเอาแต่เล่น เอาแต่ทำงาน เอาแต่สนุกสนาน เราไม่ได้มีเวลาคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตคืออะไรกันแน่ เราไม่ได้ซึมซาบประสบการณ์ตรงนั้นอย่างที่ควรจะทำ

เคยเหลิงไหม

ก็ช่วงนั้นแหละ แต่เราไม่ได้เป็นคนที่เอิดออกนอกหน้า (หัวเราะ)

คือพื้นฐานเราส่วนใหญ่จะอ่อนน้อมถ่อมตน เราจะไม่เสียมารยาทกับผู้ใหญ่เลย เราไม่ได้ไปเอิดไปเบ่งอะไรใส่ใคร แต่ในใจลึก ๆ เราก็มีความภูมิใจ เป็นอีโก้ที่อยู่ข้างในว่า เออ สบายละ ทำอะไรก็ได้ เดี๋ยวมันก็ดัง ซึ่งทำให้เราพลาดจุดสำคัญไปว่า ไอ้ที่มันประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะว่ามึงเขี่ย ๆ ออกมานะ แต่เพราะคนเขาอินกับการที่เราเปิดใจตัวเองออกมาในเพลง มันคือความโชคดีของเราด้วย จังหวะด้วย เวลาด้วย มีอะไรบางอย่างทำให้มันเกิดขึ้นได้ต่อเนื่องขนาดนั้น

แทนที่เราจะ Know your customer กลายเป็นเราทำงานอะไรตามใจด้วยความที่คิดว่า กูเป็นอย่างนี้แหละ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดทั้งหมดนะ ศิลปินก็ต้องมีตัวตนของตัวเองอยู่แล้วแหละ แค่ต้อง Tone Down ลงมาสักครึ่ง ไม่งั้นก็สร้างความโดดเด่นไม่ได้ถ้าคุณไม่มีตัวตน

จุดเปลี่ยนที่ทำให้กลายเป็นอะตอมคนนี้คืออะไร

เราประสบกับปัญหายอดฮิตที่หลาย ๆ คนเจอ มีช่วงที่กราฟจะเริ่มดรอปลงหน่อย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวตนของศิลปิน นักร้อง หรือว่านักแสดง แทบจะอยู่เป็นเนื้อเดียวกับงาน เพราะฉะนั้น เวลาเราได้รับการยอมรับน้อยลงมาหรือไม่เท่าเดิมก็จะเกิดความไม่มั่นใจ จากที่เราประสบความสำเร็จมาหลาย ๆ เพลงติดกัน พอมาเจอแบบนี้ เราเองก็มีนอยด์เหมือนกัน

อาการนอยด์ กินเวลานานไหม

นานเหมือนกันนะ คิดว่า เห้ย ทำไม เกิดอะไรขึ้น เริ่มเสียกำลังใจ แล้วเจอโควิดซ้ำอีก จะว่ายากก็ยาก แต่ถ้าเราไม่ยอมเองซะอย่าง ถ้าเราไม่ยอมท้อไปซะก่อน เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง

ถ้ามองแต่สิ่งที่เราไม่มี มันก็คงไม่มีวันแฮปปี้ คงจะไม่มีอารมณ์ ไม่มีสติมาตั้งใจทำงานใหม่ ๆ ให้คนได้ฟังกัน เราเลยคิดถึงสิ่งที่มี คือเส้นทางสวยงามที่เดินมา คนฟังที่ซัพพอร์ตเราอยู่จำนวนไม่น้อย มันเลยกลายเป็นกำลังใจที่ทำให้เรามีแรงไปต่อ

ยิ่งไม่หลอกตัวเองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น จะได้มีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่ แล้วก็ให้คุณค่ากับมัน 

ก้าวข้ามช่วงเวลานั้นมาได้ยังไง

ต้องยอมรับว่าเป็นอะไรที่เราเพิ่งได้มาเรียนรู้ว่า เออ มันก็เป็นเรื่องธรรมดา มันต้องเจอ ไม่แง่ใดก็แง่หนึ่งของชีวิตเรา หลาย ๆ คนจะชอบมองว่าอุปสรรคหรือความยากลำบากในชีวิตเป็นกรรม ต้องเกิดขึ้นกับฉันคนเดียวแน่เลย ทั้งที่จริง ๆ มันเกิดขึ้นกับทุกคนแหละ

เหมือนพอเราไปกำหนดจุดอะไรให้ตัวเองเยอะ ๆ หรือว่ามุ่งหวังมาก ๆ ความสุขของเราจะเป็นสิ่งที่มาไม่ถึงสักที เพราะยังมีวันข้างหน้าที่เราต้องไขว่คว้า พยายามให้มันเกิดขึ้น เช่น ต้องมีเพลงฮิตเท่านี้ ต้องขึ้นชาร์ต ต้องได้รางวัล จับเอาความสุขของตัวเองไปผูกไว้กับสิ่งเหล่านั้น ซึ่งสิ่งที่ควรจะเป็นคือแค่ถามตัวเองว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้มีความสุขหรือเปล่า อยู่กับปัจจุบัน

ก็แปลกใจเหมือนกันนะที่เราโตมาได้ขนาดนี้ 

แต่การมีบางสิ่งให้วิ่งตามและไขว่คว้า ก็เป็นแรงขับเคลื่อนของชีวิตรึเปล่า

ใช่ เราต้องมีเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการทำงาน ในการใช้ชีวิต เพียงแต่เราไม่ได้โฟกัสไปที่มันเยอะเท่าแต่ก่อน 

แน่นอน เรามีเรื่องใหญ่ ๆ ที่ต้องการทำ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือเราเองเป็นคนที่ยิ่งรู้เยอะยิ่งคิดมาก จนกลายเป็นไม่ได้ทำอะไร คือรู้เยอะไปหมด วางแผนเก่งไปหมด สุดท้ายแล้วเราใช้วันต่อวันไปกับการวาดภาพในอนาคตอย่างเดียว แล้วไม่ทำอะไรสักที 

ทำไมถึงบอกว่าแปลกใจที่โตมาได้ขนาดนี้

ถ้าฟังจากอัลบั้มก่อน ๆ ก็จะรู้ว่าเป็นคนที่ค่อนข้างผูกติดกับอดีต (หัวเราะ) เราอินกับความรักมาก คิดว่าทำไมถึงทำฉันเจ็บ เขียนเพลงเป็นอัลบั้ม กว่าจะหลุดจากตัวตนที่มองว่าตัวเองเป็นเหยื่อมาตลอดก็ใช้เวลา ค่อนข้างลำบาก ซึ่งสุดท้ายคนที่เจ็บปวดที่สุดคือคนที่ยังหลุดจากตรงนั้นไม่ได้ 

เรามีประสบการณ์มากพอที่จะตกผลึกเรื่องพวกนี้ มันก็จริงที่เรื่องเมื่อวานแก้ไขไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ พรุ่งนี้ไกล ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ เรามีแค่ปัจจุบัน

อะตอมเวอร์ชันนี้ยังแต่งเพลงแบบเพลง PLEASE ได้อยู่ไหม

โห ตอบยาก

เราเป็นคนชอบเล่าเรื่องตัวเอง เนื้อหาเพลงก็จะเกี่ยวกับชีวิตเกือบตลอด ซึ่งพอเปลี่ยนความคิดไปแล้ว เราคงไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแบบเดิมอีก ไม่งั้นก็เท่ากับย่ำอยู่ที่เดิม ซึ่งหลาย ๆ คนก็คงคิดถึงเพลงเศร้าที่ฟูมฟาย แต่นั่นแลกมาด้วยความเจ็บปวดทางอารมณ์ของตัวเองอย่างมากเลยครับ

Medium Rare

รู้สึกยังไงบ้าง หลังย้ายเข้ามาในบ้านหลังใหม่อย่าง LOVEiS 

ตอนที่ออกมาจากค่ายเดิมก็มีคิดว่าจะออกมาทำเอง แต่เรารู้เลยว่าถ้าเจองาน Routine งานยิบย่อยหลังบ้าน มันจะดึงพลังงานการสร้างสรรค์ออกไป แต่การเข้ามาที่นี่เรามีทีมซัพพอร์ตที่รู้สึกว่าเขาไปกับเราตั้งแต่ต้น ไปกันเป็นทีม มีความเป็นครอบครัวสูง เวลาคิดงานมันสนุก มีอะไรเราหาคนที่ทำงานตรงนี้ได้ทันที

เพลงนี้แตกต่างจากเพลงอื่น ๆ ที่เคยทำยังไง

ในพาร์ตดนตรีเราก็ยังรับผิดชอบเป็นหลัก ในเรื่องภาพเอง สำหรับเพลงแรกก็ถือว่าใหม่สำหรับเรา

เซ็กซี่เหมือนกันนะ

ใช่

เขินไหมตอนทำ

เราไม่ค่อยเขิน แต่ถ้าให้ใส่ชุดนั้นเล่นสดก็อาจจะเขิน (หัวเราะ) 

คือจริง ๆ ไอ้เสื้อนั้นมันจะติดกระดุมเยอะกว่านี้ มีเสื้ออีกตัวข้างใน แต่วันที่ฟิตติ้งกันผมก็ถามเล่น ๆ ว่า ก็ไม่ต้องใส่เลยไหมพี่ข้างใน แล้วทุกคนก็ตอบว่า เอา ถอดเลย ก็เลยออกมาเป็นแบบนั้นครับ

ไฟในความหมายของอะตอมคืออะไร

เราว่าไฟคือพลังงานร้อน มันคือของที่ทุกคนมี แต่อยู่ที่ว่ามีเยอะหรือมีน้อย ถ้ามีกำลังดีเขาก็เรียกว่าความอบอุ่น ถูกไหม แต่ถ้ามันแรงไปเนี่ยก็จะเริ่มร้อน เริ่มไหม้ ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตาม จะกินอาหาร ต้มน้ำเดือด ๆ ก็กินไม่ได้ สำหรับเรา ไฟคือสิ่งที่ต้องบาลานซ์

คุณใช้อะไรดับไฟ

น้ำมัน (ตอบทันที)

แต่ก่อนใครร้อนมา เราเอาน้ำมันราดไปเลย เอาให้มันรู้ เดี๋ยวนี้ก็จะเย็นลง รู้สึกเหมือนเป็นน้ำอุ่น

การเอาน้ำมันดับไฟ ดูขัดกับบุคลิกคุณมากนะ

จริง ๆ บุคลิกเวลาทำงาน เจอแฟนเพลง เราไม่มีทางยอมให้เห็นด้านที่ไม่ดีของเราหรอก แต่ในพาร์ตที่เราห่างจากการทำงานไปก็มีความดาร์กที่เราไม่อยากให้ผู้ชมผู้ฟังได้เห็น หลายคนคิดว่าเราเป็นคนอบอุ่น แต่อย่างหนึ่งคือเราไม่ค่อยมีเหลี่ยมอะไร คือเราตรง ๆ ถ้าไม่ชอบ เราก็ลุยเลย 

ตอนนี้ยังเข้าไปเล่นกับไฟอยู่ไหม

ไม่เล่นแล้ว ไฟในอายุเท่านี้ที่ต้องแคร์มากที่สุดคือไฟในการทำงาน ต้องเลี้ยงไว้ไม่ให้มันมอด ซึ่งที่ผ่านมาก็มีช่วงเวลาที่ริบหรี่ เหมือนใกล้จะดับ ใกล้จะหายไปเหมือนกัน โชคดีที่เราเติมไฟให้กับตัวเองได้ ด้วยอะไรที่เราได้อ่าน ได้เรียนรู้ใหม่ ได้คุยกับตัวเองใหม่ 

ขยับมาในเรื่องความรัก คิดว่าทำไมหลายคนยังยอมตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ 

ซาดิสม์ไง (หัวเราะ) ไม่ใช่หรอก 

อย่างในเพลง Medium Rare ก็พูดถึงความสัมพันธ์ที่ร้อนแรง ตื่นเต้น ซาบซ่า มันแซ่บ บางคนก็ชอบอยู่ในอะไรแบบนี้ มันคงตอบสนองอะไรในใจเขาอยู่ แต่ในระยะยาวเราก็เชื่อว่ามันไม่ดีกับสุขภาพใจของคนที่ทำอย่างนี้บ่อย ๆ นะ 

ถ้าเป็นคนใจแข็งแล้วรับมือกับความสัมพันธ์แบบนี้ได้ เป็นไฟเจอไฟ เล่นกันไปทั้งคู่ ก็ไม่มีใครเจ็บ แต่ในเพลงนี้เราไม่ใช่ไฟ เราเนี่ยเป็นเนื้อที่วิ่งเข้าไปหาไฟเลย ถ้าเข้าไปแตะไปโดนบ้างบางครั้งบางคราวก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าเราแช่อยู่อย่างนั้นแล้วเข้าไปหามันเรื่อย ๆ บ่อย ๆ ไม่ยอมออกมาสักที เราก็จะเป็นเนื้อที่โดนเผา

ถ้าเพื่อนสนิทกำลังเอาใจไปเล่นกับไฟ แล้วเดินมาปรึกษาคุณ อะตอมจะแนะนำให้เขาออกมาหรืออยู่ต่อให้ใจมันไหม้ไปเลย 

เราก็จะถามเขาว่ายังสนุกอยู่รึเปล่าล่ะ ถ้ายังสนุกอยู่ ก็ลองอีกสักหน่อยก็ได้ (หัวเราะ)

เรารู้ว่าห้ามยาก ยิ่งในช่วงวัยรุ่นเราเองก็เป็น ใจมันเทไปกับเรื่องความรักแบบหนุ่มสาวเยอะมากจนส่งผลกับอารมณ์เรา ความรู้สึกเรา ชีวิตโดยรวม แต่สุดท้ายก็ต้องรักตัวเองให้มาก หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ บางครั้งเราคิดว่าไม่เป็นไร ยอมได้ คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ เราต้องรักตัวเองให้มากกว่ารักคนอื่น อย่ายอมให้ตัวเองต้องไปเจ็บปวดกับอะไรนาน ๆ ซ้ำซาก ในเพลงนี้เองก็บอกว่า ออกมาเถอะ อย่าหาเรื่องเลย 

Medium Rare คือความสุกของเนื้อที่กำลังอร่อย ถ้า Rare เลยก็จะน่าเบื่อ ไหม้เลยก็จะตื่นเต้นมาก ๆ แต่ถ้าหาจุดตรงกลางที่กำลังโอเค กำลังสนุก กำลังดูแลกัน ก็เป็นจุดที่เวิร์กในความสัมพันธ์นะ

คุณมักแต่งเพลงจากเรื่องของตัวเอง ถือว่าคุณเองก็เป็นนักรักคนหนึ่งเลยนะ

ก็เจ็บค่อนข้างเยอะครับ ด้วยความที่เราคาดหวังสูง ก็จะมีความต้องการ ฉันอยากได้อย่างนี้ ทำไมเธอไม่ทำล่ะ เธอเป็นแฟนฉันนะ เธอต้องทำนู่นทำนี่ เราก็เข้าใจว่าทำไมบางคนถึงหนีไป เพราะเขาก็คงทนไม่ไหวหรอก จะมาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมาหวงอะไรขนาดนั้น ไม่ให้สเปซในชีวิตกันเลย ซึ่งตามหลักมันจะมีเวลาของเราแต่ละคน แล้วก็เวลาที่เรามีด้วยกัน มันเป็นจุดที่ทำให้เราเข้าใจว่า อ๋อ บางเรื่องมึงก็ทำตัวเองนะอะตอม มึงก็งี่เง่าใช่ได้เหมือนกันนะแต่ก่อน

ดูเข้าใจอดีตและแนะนำคนอื่นได้ดี มองว่าตัวเองบรรลุเรื่องความรักรึยัง

ไม่บรรลุหรอก ไม่มีใครรู้ เราไม่กล้าจะไปสอนให้ใครมาเชื่อเรา 100% เราอายุเท่านี้ก็รู้พอ ๆ กับคนอายุเท่านี้แหละ ไม่แน่ใจด้วยว่ารู้จริงหรือเปล่า รู้แค่พอเอาตัวรอด 

ถ้าอะตอมคนนี้มองย้อนกลับไปในอดีตที่เจ็บปวดของตัวเอง ผลลัพธ์จะยังออกมาเป็นเพลงที่ฟูมฟายอยู่ไหม

เราว่าไม่ ถ้ามองกลับไปในช่วงเวลาที่เรา Struggle มาก คงเป็นเพลงเข้าใจโลกมั้ง 

คือคาดหวังอะไรน้อยลง เราได้เรียนรู้ว่ามันไม่ใช่หรอก โลกนี้ไม่มีใครติดค้างอะไรคุณหรอก คุณก็ใช้ชีวิตไขว่คว้าหาความสุขในแบบของคุณไป อย่าไปนั่งโทษคนอื่น ไม่มีใครต้องมาดูแลคุณหรอก คุณดูแลตัวเองให้ได้ก่อน แล้วดีกว่านั้นก็คือดูแลคนอื่น แต่อย่าไปหวังให้คนอื่นมาดูแลเรา

ความคิดนี้ดูตรงข้ามสุดขั้วกับคนที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ

(หัวเราะ) เราได้เจอกับแฟนคนปัจจุบันในช่วงที่โตแล้วด้วยไง 

เรารู้แล้วว่าใจเราหวั่นไหวกับเรื่องพวกนี้ ถ้าไปเลือกรักคนที่ร้อนแรงมาก ๆ วูบวาบมาก ๆ มันจะทำให้ชีวิตโดยรวมของเราไม่นิ่ง เขาเป็นคนที่นิ่งพอให้เราไม่ต้องรู้สึก Insecure ในเรื่องความรัก ไม่ได้หวือหวาเกินไป แล้วก็ไม่ได้ห่างเหินกันจนเกินไป เป็นความสุกที่กำลังโอเค 

Happy Anniversary

อะไรทำให้นักรักตัดสินใจลงหลักปักฐาน

เรียกว่าถึงเวลาไหม ก็ดูสมควรในอายุเท่านี้นะ หรือถามว่าถูกกดดันด้วยธรรมเนียมของสังคมขนาดนั้นไหม ก็ไม่ แต่เรามองเขาเป็นเพื่อนร่วมทีมที่จะสร้างอะไรกับเราไปด้วยกันต่อจากนี้ เราไม่ต้องการจะไปนั่งหาใครเข้ามาในชีวิตอีกแล้ว เราคิดว่าเราเจอแล้ว 

แน่นอนแหละว่ามันคงไม่ตื่นเต้นตลอดเวลา คงไม่หวือหวาเหมือนชีวิตวัยรุ่น ซึ่งเราโอเค แลกมากับความสบายในใจเรา เราแลกได้ไม่มีปัญหา เพราะว่าเราก็ปาร์ตี้มาเยอะ ได้เวลาพักแล้ว (หัวเราะ)

มองชีวิตหลังแต่งงานไว้ยังไง

โอ้ จริง ๆ ปีนี้เป็นปีที่ต้องทำอะไรที่ไม่เคยทำเยอะมากเลย

ในเรื่องงานก็เปลี่ยนค่าย ออกเพลงใหม่ในรอบ 2 ปี แล้วจะแต่งงานก็ต้องซื้อบ้าน หาที่อยู่ที่ซื้อเป็นหลักเป็นแหล่งของตัวเอง เพราะปัจจุบันอยู่คอนโดห้องเล็ก ๆ คนเดียว แล้วก็กำลังจะต่อเติมบ้านให้พ่อแม่ 

ถ้าถามว่ามองชีวิตหลังแต่งงานว่ายังไง คงมองว่ามันจะดีขึ้น อุดมสมบูรณ์ขึ้น แต่ก่อนเราโตจากหัวเดียว ทีนี้มีคนมาโตร่วมกับเราแล้ว สิ่งที่สร้างต่อไปในอนาคตก็มีคนช่วยคิดช่วยทำ เป็นความสุขที่ดี มันไม่เหงา

เชื่อว่าการแต่งงานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์คนหนึ่งไหม

ถ้าถามเราคนเดียวนะ ไม่สำคัญ แต่ถ้าถามแฟนเรา เขาจะบอกว่าสำคัญ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องสำคัญด้วย เพราะความรู้สึกหรือสิ่งที่เขาให้คุณค่าก็สำคัญกับเราเหมือนกัน จากคนที่ไม่แคร์เลย ไม่คิดว่าจะแต่งงาน ไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรแบบนี้ในชีวิต ก็เลยได้ลองเปิดใจดูว่าเขาคิดเห็นยังไง 

ซึ่งเราค่อนข้างอินโทรเวิร์ต ไม่ชอบไปงานแต่งถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิท เราไม่ชอบคนเยอะ ๆ ไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบเวลาโดนเพื่อนห่าง ๆ กันเดินมากรอกเหล้าในงาน แล้วพอต้องมาจัดงานตัวเอง ก็เลยคิดกันว่าไม่ต้องจัดงานเลี้ยง เอาแบบงานหมั้นให้ถูกต้องตามธรรมเนียม แต่พอมาคุยกันอีกทีก็ เออ เราจะพลาดการมีโมเมนต์ดี ๆ กับคนที่เรารักนะ การมีวันหนึ่งที่คนที่รักเราแล้วเราก็รักเขามารวมตัวกัน แล้วทุกคนก็ได้ใช้เวลาดี ๆ ตรงนั้นร่วมกัน เราก็เข้าใจ เพราะว่าถ้าพลาดไปก็คงไม่มีอีกแล้ว

เพลงอะไรที่จำเป็นต้องเปิดในงานแต่ง

ตอนนี้ยังเลือกไม่ได้ เพราะในแคตตาล็อกที่เราเล็งไว้มันเยอะมาก แล้วก็หวังว่าปีนี้จะไม่ตีกันก่อนจะได้แต่ง (หัวเราะ)

คือเรามีโอกาสได้ไปงานแต่งที่ใหญ่มาก ๆ ขนาดกลาง ๆ แล้วก็ขนาดเล็ก ๆ ซึ่งเราชอบแบบเล็กมาก ๆ แต่ต้องแลกมาด้วยการใจร้ายในการคัดแขก เพราะถ้าไม่ใจแข็ง ไม่ยอมคัดแขกที่ใกล้ชิดจริง ๆ ไอ้งานครอบครัวแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่หนักใจอยู่ เรามองว่างานแต่งงานเป็นเรื่องที่เริ่มจากคนสองคนจริง ๆ หลายคนอาจมองว่าแต่งงานก็ต้องประกาศศักดาสิ ต้องแสดงให้คนรู้ว่าเรามันเบอร์ไหน เชิญใครมาได้บ้าง หรือต้องให้เกียรติทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราทุกหมู่เหล่า สำหรับผมมันคือเท่าที่จำเป็น เท่าที่สำคัญ

ถ้าให้คิดขำ ๆ ของชำร่วยที่อยากให้มีในงานคืออะไร

เห้ย เดี๋ยวคิดอันที่ออกอากาศได้ก่อน

(นิ่งคิด) 

เราข้ามไปเลยดีกว่า (หัวเราะ)

ในฐานะที่คุณอยู่วงการมาเป็นสิบปี ความสุกงอมในอาชีพตอนนี้อยู่ในระดับไหน

โห คงเป็นเนื้อที่ไหม้แล้วเอามาวางพักไว้ละมั้ง

จริงเหรอ 

คือเนื้อมันไหม้ไปแล้ว กลับมาสุกเท่าเดิมไม่ได้ ถ้ามองตามความเป็นจริงเราก็ผ่านการใช้ชีวิต การต่อสู้ในเรื่องอารมณ์ จิตใจ อย่างหนักหน่วงมาพอสมควร 

แต่ถ้าเป็นไปได้ เราคงอยากตอบว่า Medium Rare ไม่สุกจนเกินไป แล้วก็ไม่ดิบจนเกินไป เขยิบเข้าหาไฟนิดหนึ่งกำลังดี 

รสชาติชีวิตของเนื้อ Medium Rare ชิ้นนี้มันเป็นยังไง

สุกนอก ฉ่ำใน 

ส่วนรสชาติก็แล้วแต่ว่าคุณจะเติมอะไรลงไปครับ