ถ้าหากอยากทำให้โลกอยู่ได้อย่างสงบสุข อุณหภูมิไม่สูงเกินกว่าขีดจำกัดที่เราและธรรมชาติจะรับไหว ทั้งโลกต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2593 (Net Zero 2050)
เชื่อว่าเป็นตัวเลขที่หลายคนเคยได้ยิน และกำลังตั้งใจทำอะไรเพื่อแก้ปัญหานี้ด้วยความตั้งใจดี
แต่อาจพบว่าท้าทายกว่าที่คิดไว้มาก
ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนให้กลายเป็นธุรกิจที่สร้างผลลัพธ์ ขยายธุรกิจได้ และตอบโจทย์ตลาด ท่ามกลางการแข่งขันในโลกที่เปลี่ยนไปทุกวัน
เก๋-อัจฉรา ปู่มี คือกัปตันทีมหญิงที่เผชิญความท้าทายเหล่านั้นครบถ้วน

ในหน้าสื่อ เธอคือ CEO ที่ต่อยอดธุรกิจเครื่องปรับอากาศที่บริหารโดยรุ่นคุณพ่อมานานกว่า 30 ปี
ปั้นแบรนด์ PAC (แพค) สร้างสรรค์นวัตกรรมประหยัดพลังงาน หรือ Energy Saving Solutions ด้านความร้อน-ความเย็น อย่างเครื่องทำน้ำร้อนจากเครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอุณหภูมิสระว่ายน้ำ เครื่องทำน้ำร้อนแบบฮีตปั๊ม และเครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูง
มีลูกค้าทั้งครัวเรือน โรงแรม 5 ดาว โรงงานระดับนานาชาติ
เคยผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการบ่มเพาะระดับประเทศจาก สวทช. และระดับสากลอย่าง New Energy Nexus (NEX) เข้าร่วมงานสำคัญด้าน Climate Change อย่าง COP28 รวมถึงเคยได้รับรางวัลจากงานประกวดระดับโลก
แม้จะมีทุนเดิม แต่การเดินทางนี้ต้องฝ่าฟันร้อนหนาวสารพัด
ไม่ได้เรียนจบทางวิศวกรรมโดยตรงแต่แรก แต่ต้องบริหารจัดการธุรกิจหลักที่มีฮาร์ดแวร์เป็นหัวใจสำคัญ
ตั้งใจพัฒนานวัตกรรมฝีมือคนไทย แต่ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีเพื่อพิสูจน์ให้คนมั่นใจ
เป็นผู้นำหญิงในแวดวงที่เต็มไปด้วยผู้ชาย และต้องรับหลายบทบาทหน้าที่พร้อมกัน ทั้งผู้ประกอบการ นิสิตปริญญาเอก คุณแม่ และ Mentor ผู้ให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการ
เราจะไปเอาพลังจากที่ใดเพื่อบริหารจัดการเรื่องร้อยแปดพันเก้าในชีวิต และทำธุรกิจที่มีจุดมุ่งหมายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมให้สำเร็จ
ใครที่กำลังต้องพลิกกิจการ กำลังต่อสู้เพื่อหาทิศทาง พื้นที่ของตัวเอง ชวนคุณมาร่วมเรียนรู้จากแหล่งพลังงานสำคัญของกัปตันทีมหญิงคนนี้พร้อมกัน
พลังของการปลูกฝัง
“เราไม่ได้เติบโตมาแบบสาวหวาน แต่เป็นสาวลุย ๆ มากกว่า” เก๋เล่าถึงจุดเริ่มต้นในวงการที่เธอเติบโตมากับพี่ ๆ ช่างและวิศวกรในทีมของคุณพ่อ
“เราเห็นการทำงานมาตั้งแต่เด็ก อาจไม่ได้หยิบจับเครื่องมือเอง แต่ช่วยประสานงาน ทำงานหลังบ้าน ตอนนั้นยังไม่ได้สนใจอะไร แค่รู้สึกว่าเท่จัง บ้านเราติดตั้งแอร์
“จริง ๆ เราเป็นคนเรียนดีและมีความฝันวัยเด็กว่าอยากเป็นอาจารย์ แต่รู้ว่าวันหนึ่งคุณพ่อจะอยากให้กลับมาช่วยธุรกิจของที่บ้าน เลยตั้งใจในเส้นทางนี้เต็มที่” พี่สาวคนโตของครอบครัวกล่าว
หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านการตลาดไม่นาน เป็นช่วงที่ประเทศไทยเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตต้มยำกุ้ง เธอตัดสินใจกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัว โดยเริ่มเรียนรู้จากธุรกิจที่เป็นอยู่ เป็นเซลส์วิ่งขายของ พบปะลูกค้า เข้าไซต์ก่อสร้างที่ฝุ่นคลุ้ง เพื่อเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง
และเพื่อพบความจริงว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ธุรกิจนี้คงไปต่อได้ยาก
“สมัยก่อนคนอาจซื้อแอร์ตามร้านห้องแถว ร้านค้าส่ง แต่ช่วงสัก 20 ปีก่อนเป็นยุคที่ Modern Trade เริ่มเข้ามาในไทย แม้เรามีลูกค้าที่ซื้อขายกันมานาน แต่ถ้าเป็นตัวกลางต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เป็นเจ้าของแบรนด์ ไม่มีจุดแข็งอะไร แข่งราคากับคนอื่นไม่ได้ เราไม่น่าจะอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน”
เมื่อเห็นทิศทางที่เปลี่ยนไปของอุตสาหกรรม โจทย์ที่เธอมอบให้กับตัวเอง คือการต่อยอดธุรกิจจากสิ่งที่มีอยู่ให้ได้
แต่จะเป็นอะไรดี คำตอบแรกอยู่ที่พ่อของเธอ
“คุณพ่อเป็นคนชอบคิดค้นอะไรใหม่อยู่เสมอ คุณพ่อเคยลองประดิษฐ์ถังน้ำร้อนที่ใช้ความร้อนเหลือทิ้งของเครื่องปรับอากาศมาผลิตเป็นน้ำร้อน เก็บไว้ในห้องช่าง ยังไม่ได้ออกแบบให้สวยหรือทำโปรโมตขาย เราไปเห็นเข้าแล้วคิดว่าวิธีการทำงานนี้น่าสนใจ”
บางคนเห็นแล้วอาจจะมองข้ามไอเดียนี้ไป แต่สาเหตุที่เธอไม่ปล่อยผ่านและเลือกทดลองทำอะไรบางอย่าง เป็นเพราะคุณพ่อและครอบครัวอีกเช่นกัน
“ตั้งแต่เด็ก พ่อและแม่สอนเราเสมอว่าให้ประหยัดและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เช่น ซักผ้าเสร็จ ต้องเอาน้ำซักผ้าไปรดน้ำต้นไม้ กินข้าวให้หมดจาน ปิดน้ำปิดไฟให้เรียบร้อย”
“ถึงตอนนั้น ค่าไฟจะยังไม่ได้แพง และประเทศเรายังไม่ได้ตื่นตัวเรื่อง Climate Change เท่าทุกวันนี้ แต่เราคิดว่าการช่วยลดค่าใช้จ่ายและประหยัดพลังงานน่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายคน แบบที่ที่บ้านสอนไว้ และเป็นสิ่งที่ใช้ความถนัดของธุรกิจเดิมเราด้วย น่าจะเป็นแบรนด์ของตัวเองได้นะ”
เก๋จึงเริ่มศึกษาเรื่องการสร้างธุรกิจใหม่ การสร้างนวัตกรรมและจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ตามหาผู้รอบรู้ในวงการ ประจวบเหมาะกับช่วง พ.ศ. 2546 ไทยจัดตั้งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ขึ้น และเริ่มผลักดันให้เกิดการสร้างนวัตกรรม
โดยการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจครั้งนี้ได้รับแรงสนับสนุนเต็มที่จากคุณพ่อ
“โชคดีที่คุณพ่อเปิดให้เราได้ทำอะไรใหม่ ๆ ส่วนหนึ่งเพราะเราคุยกันด้วยเหตุผลว่า ทำไมต้องปรับตัว ถ้าไม่ทำก็จะมีแต่แย่ลง แต่ที่สำคัญคือคุณพ่อเชื่อใจเรา ซึ่งเราบอกเสมอว่าไม่ต้องเชื่อขนาดนี้ก็ได้ แต่เขาเชื่อว่าเราจะทำให้ไปต่อได้”


พลังของความไม่รู้
“หน้าตาผลิตภัณฑ์ตัวแรกของ PAC เป็นเหมือนถังเก็บน้ำตรงนั้นเลย” เก๋ชี้ไปที่เครื่องทำน้ำร้อนจากเครื่องปรับอากาศ (PAC Frenergy) ตั้งให้เห็นเด่นชัดตรงหน้าทางเข้าสำนักงาน เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ
แนวคิดหลักของระบบนี้คือเป็นตัวกลางที่ทำให้เปิดแอร์ของแบรนด์อะไรก็ได้เท่าเดิม แต่ค่าไฟลดลง และได้น้ำร้อนใช้เพิ่มฟรี

เมื่อข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตยังไม่ได้มีมากเท่าปัจจุบัน การพัฒนาผลิตภัณฑ์จึงมีการลองผิดลองถูกเยอะ โดยไม่รู้ความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างแน่ชัด
“เราไม่รู้ว่าเราทำเหมือนใครหรือมีใครทำเหมือนเราไหม แค่ตั้งใจพัฒนาแล้วไปเปิดบูทขายในงานต่าง ๆ ทำให้มีคนสนใจในสิ่งที่เราทำ แต่ก็มีคนมาบอกว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้แปลกใหม่ เขาเคยพัฒนามาแล้ว และมีคนอื่นที่ทำได้ดีกว่า
“โชคดีที่เราไม่ได้ฟังและท้อไปเสียก่อน จริง ๆ มีคนทำแบบเรา แต่เป็นระดับพัฒนาผลิตภัณฑ์และเขาไม่ได้จริงจังเท่าเรา สิ่งที่จะเป็นนวัตกรรมได้ต้องเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่ส่งมอบให้ลูกค้าได้จริง ๆ ด้วย”
เปรียบเสมือน AI ที่คนใช้งานได้ง่ายมาก แต่กว่าจะเป็นเทคโนโลยีแบบทุกวันนี้ต้องผ่านการพัฒนาอย่างยาวนาน ซึ่งเก๋และทีมต้องผ่านความยากสารพัดรูปแบบ ตั้งแต่การเลือกวัสดุว่าต้องใช้แบบไหน ทำอย่างไรให้ประหยัดพลังงานได้จริง และต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมด้วย เช่น โรงแรมบนเกาะใช้น้ำบาดาลที่มีแคลเซียมเยอะ พอเจอความร้อนเข้า เกิดตะกรัน ทำให้ถังแลกเปลี่ยนความร้อนต้องเป็นคนละแบบกับที่ใช้ในเมือง
“ช่วงแรกหน้าตาของผลิตภัณฑ์เรายังไม่สวย เหตุผลที่คนจะยอมซื้อคือเขาเชื่อในฟังก์ชันและเชื่อในทีมของเรา โชคดีที่มีลูกค้าเดิมของคุณพ่อที่เชื่อในความสามารถและความรับผิดชอบของทีม เขาจึงเปิดโอกาสลองใช้งานของเรา แต่การขายให้ได้คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไปยากมาก ๆ ตอนนั้นความรู้เรายังไม่เยอะพอด้วย จึงมีรายละเอียดที่ต้องศึกษาเพิ่มเยอะมาก”
เพื่อก้าวข้ามความไม่รู้ เก๋ตัดสินใจเรียนวิศวกรรมเครื่องกลเพิ่มเป็นเวลา 2 ปี และเปิดรับทุกการเรียนรู้
“เราคิดว่าการยอมรับในความไม่รู้และตั้งใจหาคำตอบไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นความจริงใจและความเป็นมืออาชีพแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะกับทีมหรือลูกค้า บางทีเราเจอคำถามทางเทคนิคที่ยากมากในห้องประชุม เราจะขอรวมคำถามและไปหาคำตอบกลับมาจากผู้เชี่ยวชาญ ในหลายกรณีไม่ได้มีคำตอบเดียว ก็ต้องนำมาปรับให้เข้ากับบริบทของเรา”
และเมื่อผู้นำเชื่อแบบนั้น ทั้งองค์กรก็มักจะเป็นแบบนั้นด้วย
“เราบอกทีมเสมอว่า เราไม่รู้และผิดพลาดได้ เรายังเคยพลาดแบบที่ต้องจำเป็นบทเรียนชีวิตเหมือนกัน แต่เวลาผิดพลาด จะไม่โทษหรือจับผิดกัน แต่ให้เรียนรู้ว่าต่อไปเราจะแก้ปัญหา สร้างระบบให้ไม่เกิดปัญหานี้อีกได้อย่างไร และเราจะไม่ผิดเรื่องเดิมอีก”

พลังของการแสวงหา
“เราไม่ได้มั่นใจกับการเปลี่ยนทิศทางธุรกิจเลย เราตั้งคำถามกับตัวเองตลอดว่า ทำไมคนถึงยังไม่
ค่อยซื้อ ทำไมถึงยังไม่ได้ผลตามที่เราตั้งใจ” เก๋เล่าถึงความกังวลในวันที่ยังไม่มีสิ่งพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเธอมาถูกทางแล้ว
เวลาขายสินค้าในช่วงแรก ๆ หนึ่งในผลตอบรับที่เธอได้ยินอยู่เสมอ คือนวัตกรรมนี้เป็นของคนไทยจริงหรือ
ไม่ใช่คำชม แต่เป็นคำปรามาสและความไม่มั่นใจในศักยภาพของคนไทย เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์ดูแล้ว PAC จึงเปลี่ยนกลยุทธ์ ตั้งใจมองหาตลาดใหม่ที่เข้าใจและเห็นความจำเป็นของนวัตกรรมนี้
อย่างธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติที่มีทั้งกำลังซื้อและสนใจเรื่องความยั่งยืน ซึ่งจะเข้าถึงกลุ่มนี้ได้ จำเป็นต้องพาตัวเองไปอยู่ในเวทีระดับโลก เพื่อเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับแบบเป็นที่ประจักษ์
การไม่หยุดเรียนรู้ทำให้เก๋เจอโครงการบ่มเพาะและประกวด Global Cleantech Innovation โดย United Nations Industrial Development Organization (UNIDO) ที่ผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน และตัดสินใจสมัครเข้าโครงการ
ปรากฎว่า PAC ได้รางวัลที่ 1 ของไทย พร้อมเป็นตัวแทนไปพูดในงานด้าน Climate Change ระดับโลกอย่าง COP23 ที่เยอรมนีใน พ.ศ. 2560 และได้รับความสนใจจากต่างชาติเป็นอย่างมาก
“คนสนใจสิ่งที่เราไปนำเสนออยู่ 2 เรื่อง หนึ่ง คือนวัตกรรม เขาคิดว่าการนำพลังงานที่จะกลายเป็น Waste มาใช้งานต่อได้เป็นเรื่องที่เจ๋งมาก อาจเพราะทางฝั่งยุโรปเป็นเมืองหนาว เขาใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายในการทำความร้อนมหาศาล เขาจึงเห็นคุณค่าและความจำเป็นของสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่แค่เรื่องการแลกเปลี่ยนความร้อนความเย็น แต่เป็นการทำให้คุณภาพชีวิตคนดีขึ้น
“สอง เราเป็นผู้หญิงคนเดียวในวงสนทนา เขาประทับใจที่เราทำงานในวงการที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายนำได้ พอหลายประเทศมีความไม่เท่าเทียมเรื่องเพศ เขาอยากรู้ว่าเราก้าวข้ามเรื่องนี้และจัดการชีวิตที่มีบทบาทที่หลากหลายได้อย่างไร”
เมื่ออยู่ถูกที่ ถูกเวลา เก๋จึงมั่นใจในทิศทางของบริษัทมากขึ้น กลับมาไทยพร้อมพลังเต็มเปี่ยม พาตัวเองเข้าไปร่วมอยู่ในแวดวงสตาร์ทอัพที่กำลังเกิดขึ้นในไทย แม้จะรู้สึกว่าบริษัทตัวเองเป็น SME อยู่ก็ตาม และตั้งใจพัฒนาบริษัทให้เติบโตขึ้น จนได้รับออร์เดอร์เครื่องทำน้ำร้อนและเครื่องปรับอากาศปริมาณมากจากมัลดีฟส์ใน พ.ศ. 2561 เป็นการส่งออกที่ทำให้เกิดการขยายตลาดต่อ และเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เธอตรากตรำทำมาตลอดนั้นมาถูกทางแล้ว
พลังของการปรับตัวเป็น
เฉลิมฉลองได้ไม่นาน บททดสอบครั้งใหญ่ก็เข้ามาท้าทาย เมื่อทั้งโลกเกิดการแพร่ระบาดของโควิด- -19 สร้างผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมที่เป็นลูกค้าสำคัญของ PAC อย่างสาหัส และ PAC ที่มีสาขาที่ภูเก็ตต้องหยุดชะงักไป
เมื่อเกิดวิกฤต เก๋และ PAC ปรับตัวอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายจากภาคธุรกิจมาเป็นตลาดครัวเรือน เพราะคนต้องอยู่บ้านกัน ใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น บางบ้านต้องใช้เครื่องปรับอุณหภูมิสระว่ายน้ำที่มี เนื่องจากไปใช้สระว่ายน้ำสาธารณะไม่ได้ จากที่ไม่เคยทำการตลาดออนไลน์ PAC หันมาขายให้ลูกค้ารายย่อยแบบหนึ่งต่อหนึ่งมากขึ้น
บทเรียนจากสถานการณ์ครั้งนั้นทำให้เก๋ตระหนักว่า ธุรกิจต้องบริหารความเสี่ยงและมองหาตลาดอื่นที่เป็นไปได้ อย่างภาคอุตสาหกรรมที่ยังคงมีการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ ต้องใช้ระบบความร้อนความเย็นเยอะมาก และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผู้คนยังต้องกินต้องใช้ อุตสาหกรรมอาหารยังต้องผลิตอยู่ PAC จึงขยับเข้ามาบริการภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น และมีลูกค้าเป็นโรงงานขนาดใหญ่ระดับนานาชาติ
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ PAC มีความหลากหลาย ทั้งระบบทำน้ำร้อนประหยัดพลังงาน ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง ระบบการจัดการแบบดิจิทัลที่ลูกค้าตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบได้ตลอดเวลา (PAC MAN) รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization) ให้กับองค์กร
“PAC พัฒนาตัวเองตลอด ถึงแม้ทุกวันนี้บริษัทต่าง ๆ จะพัฒนาเทคโนโลยีได้ไวและอาจมีคนทำเหมือนเรา แต่เราปรับตัว พัฒนานวัตกรรมที่ส่งมอบคุณค่าออกตลาดให้ลูกค้าใช้พัฒนาธุรกิจของเขาต่ออยู่เรื่อย ๆ เหมือนเป็น Lifelong Partner ที่จะไม่ทิ้งลูกค้าไปไหนและไว้วางใจเราได้เสมอ”

พลังงานของชีวิต
ในวัย 46 ปี เก๋มีบทบาทหน้าที่ที่ต้องบริหารจัดการมากมาย
ทั้งเป็น CEO นิสิตปริญญาเอก
คุณแม่ที่ลูกกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น
ลูกสาวที่สานต่อธุรกิจของคุณพ่อ
ภรรยาที่ทำงานร่วมกับสามีที่เป็น Marketing Communication Director
พี่สาวที่ทำงานร่วมกับน้องชาย (อภิชาติ ปู่มี) ที่เป็น Chief Technology Officer
รวมถึงเป็น Mentor คอยให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการ
การทำทุกบทบาทให้ได้ดีพร้อมกัน ต้องอาศัยพลังงานที่ขับเคลื่อนชีวิต
“เราทำทุกอย่างนี้ได้ เพราะมีการสนับสนุนที่ดีจากคนในครอบครัว ทีมงาน และคนรอบตัว
“ก่อนจะทำอะไรสักอย่าง เราจะปรึกษาคนรอบข้างก่อนเสมอ เช่น ตอนจะทำธุรกิจใหม่ เราคุยกับน้องชายว่าจะมาช่วยกันอย่างไรดี ก่อนจะเรียนปริญญาเอก เราปรึกษากับทั้งสามีและลูก เพราะรู้ว่ามันหนักแน่ ๆ
“ที่สำคัญคือพนักงานในองค์กร เวลาต้องไปทำงานต่างประเทศ เราสบายใจได้ว่ามีทีมที่ดูแลจัดการให้ และทำงานทางไกลกันได้อย่างไว้ใจ ถ้าไม่มีคนเหล่านี้ช่วย คงจะทำแบบทุกวันนี้ไม่ได้เลย”
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เก๋ต้องใช้ความใส่ใจ ความตั้งใจในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ เช่น การทำงานกับน้องชาย เก๋เล่าว่าเคยมีความคิดเห็นไม่ตรงกันอย่างมาก แต่เมื่อมาถึงวันนี้ เรื่องราวเหล่านั้นถือเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่า
“การทำงานกับครอบครัวมีความท้าทายอยู่แล้ว เพราะทุกคนต่างมีความเชื่อ วิธีการทำงานของตัวเอง และอยากให้องค์กรเติบโตจนบางครั้งไม่มีใครยอมใคร แต่เรายังต้องรักษาความรู้สึกของกันและกัน ต้องบริหารจัดการอารมณ์ของตัวเองและคนในครอบครัวด้วย แต่เราตั้งใจไว้ว่า PAC จะเป็น Professional Family Business ที่มีกฎระเบียบจริงจัง แต่ละคนรู้บทบาทที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ไม่หย่อนเรื่องคุณภาพและเป้าหมายที่เราต้องทำ
“ข้อดีคือพอผ่านจุดที่ทะเลาะกันหนัก ๆ มาได้ เรากลายเป็นคนทำงานที่รู้ใจกันมาก และรู้ว่าเขาเป็นพาร์ตเนอร์ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่มีวันไปไหน กลายเป็นว่าทำให้องค์กรเข้มแข็ง ลูกค้าและนักลงทุนไว้วางใจได้ด้วย”
ส่วนการจัดการเวลาชีวิตส่วนตัว เก๋มองว่าแต่ละช่วงเวลามีเรื่องหนักเบาไม่เท่ากัน สิ่งสำคัญคือการเลือกว่าช่วงนั้นอะไรสำคัญที่สุด และไม่ลืมให้เวลากับเรื่องอื่นในเวลาที่เหมาะสม
“สัปดาห์ก่อนที่เราจะคุยกัน เป็นช่วงเวลาที่หนักมาก มีประชุมทั้งภายในและภายนอกตลอด ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศแล้วตอนเย็นต้องบินกลับมาเลย เพราะว่าวันต่อไปต้องไปประชุมผู้ปกครอง ถึงจะเหนื่อย แต่เรารู้ว่าสัปดาห์นี้ลูกขาดเวลาจากเราไปเยอะแล้ว ควรเติมเวลาให้เขา บางวันเขาอยากไปเดินเล่น ถึงแม้จะมีเรื่องอื่นสำคัญ แต่เราประเมินได้ว่าวันนี้เขาต้องการเวลาจากเรา เราจะให้เวลาวันนั้นกับเขา และอีกวันก็กลับมาทำงานอย่างเต็มที่”

พลังงานของคนพลังงาน
“ช่วงนี้หลายคนอาจบอกว่าการลงทุนในสตาร์ทอัพไม่ได้เซ็กซี่เหมือนสมัยก่อนแล้ว และการทำ Climate Tech ก็ยังเป็นเรื่องท้าทายอยู่ แต่ตอนนี้ถือว่าดีขึ้นกว่าสมัยที่เราทำแรก ๆ มาก” กัปตันทีม PAC เล่าถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมจากคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปี
“มีคนเก่ง ๆ เข้ามาทำมากขึ้น เป็นเรื่องที่อยู่ในเทรนด์ มีความต้องการ คนหันมาสนใจเรื่อง Net Zero และมีการสนับสนุนจากจากภาครัฐมากขึ้น เราไม่อยากไปเปรียบเทียบกับนานาชาติ แค่วันนี้มีการพัฒนา Climate Tech ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้ว และสำหรับใครที่อยากทำ ด้วยความที่มีผู้เล่นยังมีไม่เยอะ การทำสิ่งนี้จะทำให้คุณโดดเด่นมาก” เธอมองว่าในแวดวง Climate Tech ประเทศไทยยังมีพื้นที่ให้ร่วมสร้างสิ่งดี ๆ ร่วมกันอีกมาก
อาจจะเป็นการผลิตและบริหารจัดการพลังงานสะอาด การบริหารจัดการคาร์บอน และอื่น ๆ ตามความถนัดและความต้องการของโลกใบนี้
นอกเหนือจากธุรกิจที่ต้องสร้างความสามารถในการแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืนแล้ว สิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายควรทำร่วมกัน คือการให้ความรู้ผู้คน
เราจะบรรลุเป้าหมายอะไรที่สำคัญไม่ได้เลย ถ้าคนไม่เข้าใจว่าทำไมการบริหารจัดการพลังงานเป็นเรื่องสำคัญต่อโลก และเทคโนโลยีสร้างผลลัพธ์ที่เราต้องการได้มากแค่ไหน
“ต่อจากนี้ เราตั้งใจทำบริการที่ให้องค์ความรู้และเป็นที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนและการบริหารจัดการพลังงานให้องค์กรอย่างจริงจัง ถ้าคนเข้าใจ รับรู้ เกิดการปรับใช้เทคโนโลยี ก็จะช่วยให้โลกนี้ดีขึ้น
“งานนี้ตอบโจทย์ความฝันในวัยเด็กของเราที่อยากเป็นอาจารย์และในฐานะที่เป็นแม่ เราเห็นว่าต่อไปโลกคงจะอยู่ยากขึ้น เราคิดว่าเป็นหน้าที่ของเราและคนรุ่นเราที่จะต้องส่งต่อสังคมและโลกที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป”

8 Things you never know
about Atchara Poomee
1. เวลาเหนื่อย คุณเติมพลังให้ตัวเองอย่างไร
อยู่กับตัวเองเงียบ ๆ และเล่นกับลูกแมวเหมียว (น้องเอเดน)
2. ชวนพนักงานออฟฟิศประหยัดพลังงานง่าย ๆ อย่างไร
จัด Morning Talk สั้น ๆ ทุกวันจันทร์ คอยย้ำเรื่องเล็ก ๆ อย่างการปิดไฟ
3. หนังสือที่อยากแนะนำให้คนอ่าน
How to Avoid a Climate Disaster เขียนโดย Bill Gates
4. นวัตกรรมล่าสุดที่ชื่นชอบ
AIoT (Artificial Intelligence of Things)
5. คำชมที่มีความหมายที่สุดในชีวิต
“ขอบคุณที่ทำเรื่องนี้ สิ่งที่ทำมีคุณค่ามาก ๆ”
6. ถ้าครอบครัวไม่ได้ทำธุรกิจนี้ และเลือกทำธุรกิจวงการอื่นได้ คุณอยากทำธุรกิจอะไร
การศึกษา
7. ไปดูงานที่ประเทศไหนแล้วชอบที่สุด
ญี่ปุ่น คิดว่ามีความใกล้กับไทย มีนวัตกรรมที่น่านำมาปรับใช้
8. ข้อคิดสำคัญที่อยากบอกลูกที่สุด
เวลาตัดสินใจทำอะไรแล้ว ตั้งใจทำให้ดีที่สุด