เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยจังหวะดนตรีอาหรับที่ครึกครื้นเกินกว่าจะนั่งมองเฉยๆ ปลายเท้าฉันกระดุกกระดิกตามเสียงเพลง ระหว่างที่ กิ๊ฟ-รงรอง วลัญช์เสถียร ส่ายสะโพกนำสาวๆ ในห้องกระจก แผงลูกปัดและเลื่อมแวววาวรอบลำตัวทุกคนสั่นกระเพื่อมดังกรุกกริก ซ้าย-ขวา ซ้าย-ขวา หมุนตัวสับเท้าไปมา ลำตัวที่สะบัดพลิ้วอ่อนช้อยและแข็งแรงไปในที
ฉันนึกถึงหนังแขกอินเดียที่นางเอกเต้นระบำได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ครูสอน Belly Dance เล่าว่าระบำนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศแถบตะวันออกกลาง เกิดจากการเต้นรำสังสรรค์ที่เรียกว่า Baladi (บาลาดี) ของสาวๆ ชาวอาหรับ ต่อมาเมื่อปรับการเต้นนี้ให้เป็นการแสดง จึงผสม Ballet และ Jazz เข้าไปในลีลา ใช้อุปกรณ์เสริมอย่างผ้าต่างๆ พร้อมเปลี่ยนชุดให้โชว์หน้าท้อง ขับสรีระนักเต้นมากยิ่งขึ้น และปัจจุบันระบำนี้ยังได้รับความนิยมในหลายประเทศ เช่น อียิปต์ เลบานอน และตุรกี
ในประเทศไทยมีการสอน Belly Dance แค่ 2 ที่เท่านั้น คือที่รำปุรี สตูดิโอสอนการเต้นจากทั่วโลก และที่ BellySister โรงเรียนสอนระบำหน้าท้องโดยเฉพาะ โดยที่นี่มีทั้งคลาส Belly Dance ระบำหน้าท้องแบบอาหรับ, Bollywood ระบำหน้าท้องสไตล์อินเดีย และ Bellyrobics ระบำเพื่อการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แม้ไม่มีพื้นฐานการเต้นมาก่อนก็เรียนได้
“ตอนแรกกิ๊ฟก็เริ่มจากไม่มีเบสิกการเต้นอะไรเลย แต่ลองเรียนเพราะชอบ Shakira เห็นเขาเอา Belly Dance มาผสมกับท่าเต้น ปรากฏว่าพอเรียนแล้วไม่ใช่ชากีร่าเลย (หัวเราะ) เขามีความโมเดิร์น เขาใส่ฮิปฮอปเข้าไป แต่ Belly Dance ของจริงมีความสวย ความสง่า ความนิ่ง อยู่ในตัว การเต้นนี้ทำให้เราได้ใช้อวัยวะที่เราไม่เคยใช้มาก่อน สมมติฮิปฮอปเราก็จะใช้แขน ใช้ขา ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ แต่ Belly Dance จะใช้กล้ามเนื้อที่อยู่ข้างใน
“เราต้องทำความรู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น เช่น หน้าท้อง ใครจะไปรู้ว่ามันมี 3 ส่วน เราต้องคุยกับตัวเองว่าหน้าท้องตรงนี้ต้องขยับแบบนี้ สะโพกด้านขวา กล้ามเนื้อตรงสีข้าง ก้นด้านใน ด้านนอก ตรงกลาง มันอยู่ตรงไหน พอเราใช้เวลาฝึกกับมันเยอะขึ้น ก็ทำให้เข้าใจและเห็นคุณค่าของตัวเอง พอ Belly Dance ทำให้เรารักตัวเองมากขึ้น เราเลยหลงรักมันไปโดยปริยาย”
กิ๊ฟเล่าว่า สมัยก่อนเธอเป็นคนขี้อายมาก ไม่กล้าคุยกับใคร ขนาดมองตัวเองในกระจกยังไม่กล้ามอง แต่การเต้นทำให้เธอได้สำรวจและทำความรู้จักข้อดีของตัวเอง ช่วยให้จิตใจแข็งแรงและมั่นใจมากขึ้น ส่วนในแง่สุขภาพร่างกาย ครูสอนระบำหน้าท้องบอกตรงๆ ว่าการเต้นประเภทนี้ไม่ใช่วิธีลดความอ้วน
“การลดน้ำหนักไม่เกี่ยวกับ Belly Dance ถ้าหากคุณอยากได้หุ่นผอม หน้าท้องแบนราบมีซิกซ์แพ็ก กิ๊ฟแนะนำให้ไปฟิตเนสมากกว่า แต่ถ้าคุณอยากได้หุ่นที่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง หุ่นที่เป็นผู้หญิง แนะนำที่นี่ เพราะการเต้นระบำหน้าท้องจะช่วยกระชับเอวให้คอดขึ้น มีสะโพกมากขึ้น posture ดีขึ้น และการออกกำลังช่วงท้องจะทำให้ระบบภายในดีขึ้น ทั้งระบบเผาผลาญ ระบบการขับถ่าย หรือช่วยเรื่องระบบฮอร์โมน ลดการปวดท้องประจำเดือน”
ผู้เชี่ยวชาญระบำอาหรับเอ่ยต่อว่านักเรียน Belly Dance ของเธอมีตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จนถึง 75 ปี เพราะเป็นการออกกำลังที่ไม่หักโหม ไม่มีการกระโดดหรือใช้ร่างกายอย่างรุนแรง จึงไม่ส่งผลเสียต่อหลังหรือหัวเข่านักเต้นในภายหลัง แม้นักเรียนแทบทั้งหมดจะเป็นผู้หญิง แต่สตูดิโอก็พร้อมเปิดรับคนทุกเพศทุกวัยที่สนใจศิลปะการเต้นรูปแบบนี้ เพียงแค่เตรียมเสื้อผ้าทะมัดทะแมงอย่างชุดฟิตเนสหรือโยคะมาก็เข้าร่วมได้ แถมที่นี่ยังมีเสื้อผ้าสนุกๆ แถบเลื่อมระยิบระยับผูกเอว และอุปกรณ์ให้ยืมใช้ฟรีอีกต่างหาก
คลาส Belly Dance จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับตามความยากง่าย Level 1 คือสอนแยกส่วนร่างกายและใช้งานกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ Level 2 จะเริ่มสอนการควบคุมร่างกายและท่วงท่าทั้งหมดอย่างละเอียด ส่วนระดับสุดท้ายจะโฟกัสที่การเคลื่อนไหวไปพร้อมกับดนตรี เพราะเมโลดี้อาหรับแตกต่างจากจังหวะนับ 8 แบบตะวันตก เลเวลนี้จึงยากที่สุดและสนุกที่สุด เพราะนักเต้นจะได้แสดงฝีมือและตัวตนออกมาอย่างชัดเจนที่สุด
“ความสวยของ Belly Dance ไม่ได้อยู่ที่หุ่นนักเต้นนะ Belly Dance คือการเป็นตัวของตัวเอง คุณจะมีหุ่นแบบไหน หน้าท้องแบบไหน เสน่ห์คือสิ่งที่คุณส่งออกมาจากใจ นั่นแหละที่ดึงดูดใจผู้ชม กิ๊ฟว่าหุ่นธรรมชาติของผู้หญิงสวยที่สุดแหละ มาเต้นกันเถอะ”
เสียงเพลงอาหรับสนุกเชิญชวนขณะที่นักเรียนยักย้ายส่ายสะโพกโดยไม่พะวงเรื่องไซส์ ฉันพยักหน้าหงึกหงัก รู้สึกอยากทำความรู้จักกล้ามเนื้อพุงตัวเองบ้างเหมือนกัน