ชีวิตตลก…ไม่ตลกหรอก

วลีทองที่เล่าชีวิตตลกมามากมาย เด็กหนุ่มคนนี้ก็เช่นกัน, อาไท-สุภทัต โอภาส

เขาคือทายาทตลกวัย 20 ที่ขึ้นเวทีพระราม 9 คาเฟ่ ตั้งแต่อายุ 3 ขวบครึ่ง ตบมุกกับตลกดังทั่วฟ้าเมืองไทย แจ้งเกิดจากคณะลูกตลกในรายการ เกมพันหน้า เป็นพิธีกรรายการ กลมกิ๊ก ควบคู่นักแสดงจอแก้วและจอเงิน

ปัจจุบัน อาไท ประจำการที่รายการ ฮาไม่จำกัดทั่วไทย และเป็นพิธีกรเดี่ยวรายการ หลวงพี่ช่วยด้วย

เพียงชั่วโมงเศษที่เริ่มทำความรู้จักกับชายคนนี้ เครื่องมือเดียวที่เราและเขามีคือคำพูด คำพูดที่เปรียบดังพลั่วที่ผลัดกันขุดหลุมสนทนาครั้งแล้วครั้งเล่า ลึกจนถึงก้นบึ้งความคิด มุมมองและชีวิต บ้างไม่เคยถูกเล่าที่ไหนมาก่อน 

ดีใจ-ที่คุณจะได้ยินได้ฟังเรื่องราวใหม่เกี่ยวกับชายคนนี้ ทั้งการไต่เต้าเป็นเสาหลักของครอบครัวตอน 17 คิดวางแผนชีวิตตั้งแต่อายุ 20 และจะฝังร่างตัวเองกลับสู่พื้นดินเมื่ออายุล่วงเข้า 80, ชื่นชม-การพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้งของทายาทตลกที่น่าจับตามองคนหนึ่งของเมืองไทย และคงไม่มีคำไหนเหมาะกับเขามากกว่าคำว่า ‘นักสู้’ 

สู้ชีวิตและสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่า นั่นแหละเขา

ขอเสียงปรบมือยินดีต้อนรับตลกที่มีเสียงเป็นหัวเราะเป็นกำไร อาไท-สุภทัต โอภาส

สนทนาไม่ติดตลกกับ อาไท กลมกิ๊ก ในชีวิตตลกที่ตบมุกตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง ชีวิต 17 ปี ในวงการ และทายาทตลกผู้สัญญาว่าจะเป็น 'ตลก' ที่ไม่หยุดพัฒนา

อาไทยังจำมุกแรกที่เล่นได้ไหม

มุกคำกลับครับ 

ไปยังเง็น เป็นยังไง มีที่น่า มาที่นี้ อาหารอร่อย อะหอยอาหร่าน ยำวุ้นเส้น เย็นวุ้นส้ำ ยำหอยแครง แยงหอยคำ ยำปลาดุกฟู ยูปลาดุกฟำ ยำปลาจาระเม็ด ก็…แอ๊ (จังหวะช็อต) มุกแรกจะเป็นคำกลับยาวๆ ไล่ไปเรื่อยๆ

สามขวบครึ่งเข้าวงการตลกได้ยังไง

พ่อ (บุญชู เชิญยิ้ม) ผมอยู่คณะ ลุงโย่ง เชิญยิ้ม ผมดูวิดีโอคณะตลก ดูวนๆ ดูแล้วก็เห็นพ่อตัวเอง จนวันหนึ่งมุกมันเข้าไปในหัว ผมก็จำมุกที่ดูมายืนพูดหน้ากระจกคนเดียว พอพ่อเห็น เขาเลยปรึกษากับ ลุงดักแด้ เชิญยิ้ม ซึ่งตอนนั้นทำคณะด้วยกัน ก็ลองให้ผมมาเล่นดู เวทีแรกพระราม 9 คาเฟ่ ได้ทิปมาพันกว่าบาท พ่อดีใจ แต่ตัวผมไม่ได้โฟกัสเงินนะ ผมได้เล่น ผมมีความสุข ส่วนเงินผมให้พ่อทุกบาททุกสตางค์ หลังจากนั้นก็เล่นตลกมาตลอด

แสดงว่าอาไทยังทันยุคตลกคาเฟ่

ผมยังทันนะ เป็นยุคสุดท้ายจริงๆ ที่ผมจำได้ มีพระราม 9 คาเฟ่ วิลล่า คาเฟ่ ส.โบตั๋น แต่ที่จำได้แม่นสุดคือพระราม 9 คาเฟ่ เพราะหลังเวทีมีตู้เกมกดที่ทัชสกรีนได้ (ยิ้ม) ตอนนั้นใครจะมองว่าเอาเด็กมาทำงานหรือมองว่ายังไงไม่รู้ แต่ผมอยากบอกว่าผมชอบมาก ผมรักอาชีพตลกมาก ถ้าวันไหนผมหลับ แล้วไม่ปลุกผมขึ้นเวที จะร้องไห้หนักมาก กลัวไม่ได้เล่นตลก อารมณ์เหมือนไปเที่ยวแล้วเพื่อนไม่ชวน เขาเล่นตลกแล้วไม่ชวน ผมเสียใจอะ แต่ถ้าปลุกผมขึ้นเวที ต่อให้ง่วง ผมก็เล่นได้ เคยหนักสุดถึงขั้น ขึ้นเวทีไปเล่นด้วยสภาพหลับตางัวเงีย แต่ผมเล่นมุกได้ตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะมันเข้าปากหมดแล้ว เขาถามอันนี้ ผมตอบอันนี้ ผมจำได้ สิ่งนี้คือความสุขตอนเด็กๆ ที่ผมชอบมาก

ตลกคาเฟ่ยุคนั้นเขาเล่นอะไรกัน

ถ้าเป็นคณะลุงโย่ง เชิญยิ้ม จะเป็นตลกคำพูด ตลกสุภาพ เน้นเรื่องเล่า ไม่หยาบคาย ผมเลยติดมายันทุกวันนี้ ส่วนคณะชวนชื่น เล่นเป็นเรื่อง เล่นลงชุด คณะลุงจุ๋มจิ๋ม ลุงสุเทพ เล่นเพลง ส่วนมากตลกจะเล่นคล้ายๆ กัน มีแนวทางโดดเด่นคนละอย่าง พักหลังผมดู พี่แจ๊ส (อัครพล ทรงแสง) บ่อย ด้วยความสนิทกัน แน่นอนต้องติดมาบ้างอยู่แล้ว ผมก็โดนด่านะ อาไท เลิกก็อปสไตล์แจ๊สสักที ผมไม่ได้ก็อปนะ บางครั้งเราอยู่ด้วยกันบ่อย อาจมีเหมือนกันบ้าง

แล้วต่างจากยุคนี้ยังไง

ปัจจุบันเรียลขึ้น อำกัน สมัยก่อนได้ความเป๊ะ ทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ลงล็อก ตบมุก ส่วนการฉีก สมัยก่อนฉีกแล้วจะโดนด่า ปัจจุบันถ้าเล่นกับบรรดาพี่ๆ ตลกหรือลุงตลกที่เขาค่อนข้างฟิกซ์ จะไปฉีกเขาไม่ได้ เพราะเขาวางไว้แบบนี้ ซึ่งไม่ผิดนะ เขาวางไว้เพื่อให้เดินไปในทางนี้ มุกตบตรงนี้ ต่อตรงนี้ เราไปฉีกจะทำให้ตรงนั้นเขาพัง ก็แล้วแต่ว่าเราเล่นกับใครมากกว่า ซึ่งผมก็ปรับตัวเรื่อยๆ แต่คงไม่ทิ้งลายตลก เพราะตลกคือความเป็นจริงกับสิ่งที่คาดไม่ถึง 

อาไทบอกว่าตอนเด็กๆ ดูวิดีโอตลกคณะพ่อตัวเอง ตอนนั้นชอบอะไรใน ‘บุญชู เชิญยิ้ม’

เขากินเหล้าเก่ง เขากินได้ทุกวัน (จริงใช่มั้ย) ใช่ ถ้าให้ชอบพ่อตัวเอง พ่อผมเป็นคนปูเก่ง เขาปรับตัวเอง ปรับคณะเข้ากับสถานการณ์นั้นๆ ได้เก่ง ด้วยประสบการณ์เขา เวลาเขาปู เสียงเขาหนักแน่น อารมณ์เหมือน พี่นุ้ย เชิญยิ้ม พี่นุ้ยยังบอกเลยว่า พ่ออาไทปูเก่งนะ ผมเลยชอบพ่อผมตรงนั้น แล้วเขาช่วยดูผมตั้งแต่เด็ก บางครั้งผมไปไล่ดูคณะลุงโย่ง ผมก็พูดทุกมุกที่ผมดู เขาก็จะไล่ให้ผมเลยว่ามุกนี้ได้ มุกนี้ไม่ได้ แล้วก็ตั้งกล้อง 

ตอนเด็กๆ ผมเคยทอล์กโชว์นะ เขาตั้งกล้องถ่ายผมคนเดียว เอามุกที่บอกว่าได้ ไม่ได้ มุกนี้เบามาขึ้นตรงนี้ มุกนี้ตบมาลงตรงนี้ พูดปิดท้ายตรงนี้ ให้ผมไปยืนพูดคนเดียวหน้ากล้อง แล้วผมก็เล่นของผมได้ พ่อผมส่งเสริมผมในด้านนี้เยอะเหมือนกัน เขาก็สอนนะ แต่สอนไม่เยอะ พ่อสอนเรื่องการจับไมค์ เป็นตลกไมค์ต้องติดปากตลอดเวลา น้ำเสียงต้องชัดเจน พูดให้ชัด ส่วนหลักๆ เขาจะให้ผมดูเอาเองมากกว่า

แล้วอาไทเล่นเป็นตัวปูด้วยมั้ย

ปูด้วยตอนเด็กๆ ตอนคณะลูกตลกไปออกรายการ เกมพันหน้า ด้วยความที่ผมอยู่กับตลกมานาน ทำให้ผมรู้ว่าตัวปูเขาทำยังไง ตัวดิ้นเขาทำยังไง ปูด้วยดิ้นด้วยก็ได้ (มีตำแหน่งอะไรบ้าง) มีตัวปูกับตัวดิ้น ตัวดิ้นก็จะแยกออกเป็นตัวตบ ตัวเซ่อ ส่วนตัวปูคนไม่ค่อยชอบ เพราะมันไม่ตลก คนดูตลกเขาจะบอกว่าตัวนี้ไม่ฮา แต่หารู้ไม่ ตัวปูยากที่สุดเลย มุกทุกมุกอยู่ที่ตัวปู เพราะเขาต้องทำหน้าที่ส่งมุกให้คนอื่นขำ ต้องดูสถานการณ์ มุกไหนเอาขึ้นก่อน ขึ้นหลัง สถานการณ์แบบนี้ต้องเล่นมุกแบบไหน ผมเลยชอบตัวปูมาตั้งแต่เด็ก หน้าที่นี้มันเก่งดีนะ มันส่งเสริมคณะและทำให้คนขำได้

เด็ก 3 ขวบครึ่งมาเล่นตลก ไม่ยากไปหรือ แถมเล่นตัวปูด้วย

ยากครับ ผมมองว่าตลกเป็นศาสตร์ที่ยากมาก ผมคุยกับหลายๆ คน เขายังบอกเลยว่า ตลกไม่ใช่ว่าใครก็เล่นได้ บางครั้งคนที่อยู่กับเพื่อนแล้วตลก แต่ขึ้นเวทีแล้วเล่นไม่ออกเลยก็มีนะ มันไม่เหมือนการที่เรานั่งคุยกับเพื่อน

ยากเพราะอะไร

หลายๆ อย่าง จับจุดแขกก็ยาก บางครั้งขึ้นไปสิบยี่สิบนาทีแรกยังไม่ได้สักฮาก็มีนะ 

ต้องจับจุดไปเรื่อยๆ เล่นแนวนี้ไม่ได้ ลองฉีกมาอีกทาง ซึ่งพ่อผมจะเก่งมาก เขาเป็นตัวปู ถ้าเล่นเล่าเรื่องไม่ได้ แขกไม่ฟัง ก็ต้องทะลึ่งตึงตังหน่อย มันต้องจับจุดแขกให้ได้ก่อน แล้วการแบ่งคำก็สำคัญ เราพูดยังไงถึงจะตลก ต้องเว้นจังหวะแบบไหน ต้องช็อตยังไง ช็อตนิ่ง ช็อตแรง ช็อตเบา น้ำเสียงแรง น้ำเสียงเบา 

สนทนาไม่ติดตลกกับ อาไท-สุภทัต โอภาส ในชีวิตตลกที่ตบมุกตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง ชีวิต 17 ปี ในวงการ และทายาทตลกผู้สัญญาว่าจะเป็น 'ตลก' ที่ไม่หยุดพัฒนา

ลูกชายตลก ฝึกฝนวิชาตลกด้วยวิธีไหน

การฝึกของผมคือการดู การดูช่วยได้เยอะ ผมดูทุกคณะ ตลกทุกคนเป็นแม่แบบผมหมด บางครั้งมุกเดียวกันต่างคณะเล่น อีกคณะอาจจะฮา อีกคณะอาจจะไม่ฮาก็ได้ ผมดูว่าเขาเล่นแบบไหน ดูไดนามิกของแต่ละมุก ซึ่งมุกบางมุกผมก็เล่นไม่ได้ด้วยซ้ำ บางครั้งผมชอบมุกนี้มาก ผมอยากเล่น แต่พ่อผมไม่ให้เล่น เพราะมุกต้องพึ่งวุฒิภาวะด้วย พึ่งคาแรกเตอร์ด้วย อย่างมุกทะเลาะกับผู้ใหญ่ ผมเล่นไม่ได้ ไม่ใช่ตัวผม อะไรก็ตามที่ไม่สุภาพผมจะไม่เล่น 

ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งคนจะเล่นได้ทุกมุก มันยากมากเลยที่คนจะเชื่อ ถ้าให้ผมไปเล่นก้าวร้าว คนจะไม่เชื่อ แล้วคนก็จะไม่ชอบด้วย แต่บางคนเขาเล่นก้าวร้าวขึ้นนะ ผมยกตัวอย่างพี่ชายผม พี่แจ็ค แฟนฉัน เขาเล่นก้าวร้าวขึ้นมาก ให้ผมเล่นแบบเขาผมก็ทำไม่ได้ เราจะต้องรู้แนวทางของเราด้วยว่าเราเหมาะกับการเล่นแบบไหน

อีกอย่างการทำรายการ กลมกิ๊ก ทำให้ผมได้พัฒนาตัวเอง ผมเจอคนเยอะมาก ต้องเจอแขกรับเชิญ อ่านข้อมูลของเขา จะได้รู้ว่าต้องทอล์กกับเขาเรื่องอะไร ได้รู้เรื่องของคนนู้น คนนี้ แล้วเอามาพัฒนาตัวเองต่อ หลักๆ ผมไม่อยากให้คนมองว่าผมคือตลก ‘ก็แค่ตลก’ ไม่ใช่ ผมไม่อยากให้คนพูดแบบนั้น ตลกมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

กลายเป็น ‘อาไท กลมกิ๊ก’ อยู่ 7 ปี ได้บทเรียนอะไรจากรายการนี้บ้าง

ได้ทุกอย่างครับ ลุงกิ๊กสอน ลุงติ๊กสอน ทุกคนสอนหมด ลุงกิ๊กอยากให้ผมไปในทางพิธีกร เป็นตลกด้วย เป็นพิธีกรด้วย เขาบอกว่าจะหากินได้ยาว ผมก็จำ แล้วผมก็ฝึกตามที่ลุงกิ๊กบอก จนวันนี้ผมมีโอกาสเป็นพิธีกรของช่องเวิร์คพอยท์ เป็นพิธีกรเดี่ยวคนเดียว ตื่นเต้นมาก ปกติเคยได้แต่ผู้ช่วยพิธีกรที่อย่างน้อยต้องมีพิธีกรหลัก มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่าการที่ผมฝึกฝนหรือหาข้อมูลมามันไม่เสียหลาย ผมมีข้อมูลไว้ก่อน มีทักษะไว้ก่อน ถ้าโอกาสเข้ามาผมก็พร้อม 

สมมติเขาหานักแสดงอ้วนที่เล่นแอคชันได้ ผมพร้อม เขาหานักแสดงตลกที่เป็นพิธีกรได้ ผมพร้อม หานักแสดงที่แข่งเกม ROV ได้ ผมก็พร้อม ผมพร้อมในหลายๆ อย่าง เพื่อที่สักวันหนึ่งโอกาสเข้ามา ผมจะได้ไม่เสียมันไป

อาไทเตรียมพร้อม เพื่อรอคว้าโอกาส

ผมเป็นแบบนั้น ผมเลยไม่ค่อยหยุดพัฒนา ใจจริงผมอยากพัฒนาหลายๆ ทางเลย มีทางไหนผมไปหมด 

ทางไหนที่มันทำให้ผมไม่ว่าง ผมเอาหมด

ไม่ชอบความว่าง

ไม่ชอบ ไม่ชอบเลย นึกมาตลอดว่าถ้าว่างคือไม่ได้ตังค์ ก็เลยอยากไม่ว่าง 

ช่วงหนึ่งเคยคิดอยากทำอสังหาริมทรัพย์ เพราะว่างมันได้ตังค์ (หัวเราะ) บางครั้งเราได้แต่ Active Income ถ้าเราได้ Passive Income ก็น่าจะดี แต่ก็ต้องพึ่งเงินลงทุน ผมเคยคิดจะซื้ออพาร์ตเมนต์ให้คนเช่านะ แต่ก็ยังดีกว่า 

ทำไมเด็กอายุ 20 ถึงมีโครงการมากมายในหัว 

บ้านจนครับ ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้นนะ ตอนเด็กๆ บ้านจนมาก ผมชินกับการที่บ้านจนมาโดยตลอด บ้านผมฐานะติดลบ เป็นหนี้เขา โดนเขาไล่ออกจากบ้านเช่า เพราะไม่มีตังค์จ่าย ต้องมาอยู่อพาร์ตเมนต์เล็กๆ กันสี่ห้าคน มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่ได้ ไม่ได้ ต้อง ทำ ทุก อย่าง (ทุบกำปั้นลงฝ่ามือ เว้นตามจังหวะคำพูด) เพื่อไม่กลับไปอยู่จุดนั้น 

ทุกคนในบ้านผมต้องสบาย ผมไม่อยากเห็นภาพนั้นอีกแล้ว ผมไม่อยากเห็นแม่ตัวเองเดินไปเซ็นปลากระป๋องจากร้านชำ มันเป็นภาพที่ผมไม่อยากเห็น ฉะนั้น อะไรก็ได้ที่ทำแล้วเกิดโอกาส ผมจะทำ

ความลำบากสอนอาไทให้เป็นคนแบบไหน

มันสอนผมว่า อย่าหยุดนิ่ง บางครั้งรอโอกาสอย่างเดียวก็ไม่ได้ ผมต้องหาด้วย ผมหาโอกาส ผมว่าคนเรากลัวการถูกปฏิเสธ แต่ผมรู้สึกว่าการถูกปฏิเสธ ดีนะ มันทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น พอผมได้รับการปฏิเสธ มันยิ่งทำให้ผมต้อง เอาอีก เอาอีก ยังไม่ได้ เอาอีก คนเราอย่าไปกลัวการถูกปฏิเสธ เหมือนผมเมื่อช่วงสองสามปีที่แล้ว ผมอยากเป็นพิธีกร มีโอกาสรายการไหนบอกผมได้นะ ผมบอกหลายๆ คนไว้ แล้วผมก็ฝึกไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่ง ไม่ว่ามันจะผ่านไปกี่ปีก็แล้วแต่ สุดท้ายมันก็จะกลับมา (โอกาส) เขาจะไม่ลืมเรา

อาไทเคยมีวันที่เหนื่อยสุดๆ ไหม

เหนื่อยสุดๆ ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ผมเป็นคนรีเซ็ตง่าย มายด์เซ็ตผมไม่ใช่คนที่ท้อ โอ้ย เหนื่อย ไม่ไหวแล้ว ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น ผมเป็นคนที่เดินหน้าตลอดเวลา เหนื่อยวันนี้ พรุ่งนี้ผมหาย ผมขอเหนื่อยวันเดียว เหนื่อยให้เต็มที่ อยากนอนร้องไห้ก็ทำ อยากทำอะไรทำ แต่พรุ่งนี้ผมก็จะกลับมาเป็นอาไทคนเดิมที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมว่าชีวิตคนเรามันข้างเร็วนะครับ เวลาเอาเราไปทุกวินาที ผมไม่มีเวลาเยอะมากพอที่จะมานอนเสียใจ ไม่มีค่าสำหรับผมเลย การที่ผมเป็นเสาหลัก คำว่า เสาหลัก ถ้าไม่ไหวขึ้นมา เสาอื่นก็ไม่ไหว ผมเลยต้องทำยังไงก็ได้ให้ผมไหว เพราะถ้าผมไหว ทุกคนก็ไหว 

และผมเคยบัญญัติเล่นๆ กับตัวเองว่า ผมคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมอบความสุข 

สนทนาไม่ติดตลกกับ อาไท-สุภทัต โอภาส ในชีวิตตลกที่ตบมุกตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง ชีวิต 17 ปี ในวงการ และทายาทตลกผู้สัญญาว่าจะเป็น 'ตลก' ที่ไม่หยุดพัฒนา

นั่นคือคำนิยามอาไท

ใช่ คนรอบข้างผมจะต้องแฮปปี้หมด ผมไม่มีหน้าที่เอาความทุกข์ไปใส่ใคร ผมคิดอย่างนี้นะ ถ้าคนรอบข้างผมจะมีความสุขได้ ตัวผมต้องไม่ทุกข์ก่อน พอผมมีความสุข ผมก็แบ่งปันความสุขให้คนรอบข้างผมได้

อาไทเป็นเสาหลักตั้งแต่อายุยังน้อย

สิบเจ็ดครับ ยากนะครับการที่ผมจะขึ้นมาเป็นเสาหลักได้ ตอนนั้นผมต้องเถียงกับพ่อด้วยนะ

เถียงว่าใครจะเป็น

ใช่ พ่อเขาเห็นว่าผมเด็ก สิ่งที่ผมทำได้คือพิสูจน์ให้เห็น ตอนนั้นผมทำเงินได้เยอะมาก แต่ไม่มีเก็บ เพราะพ่อผมดูแลไม่เก่ง ผมเลยขอดูแลเอง แรกๆ ก็เถียงกัน ผมเลยดูแลให้ดีที่สุด ถ้าผมดูแลดีที่สุดแล้ว เวลาเท่านั้น ที่จะทำให้เขาเชื่อใจ จนสุดท้ายใช้เวลาปีกว่าเกือบสองปี เขาถึงจะไว้ใจเต็มรูปแบบ มันเลยทำให้ผมคิดว่าการเป็นผู้นำ ต้องเก่ง ถ้าผู้นำไม่เก่ง เราจะตายกันหมด บ้านผมเคยเจอมาแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ ผมเลยต้องใช้คำว่า ปฏิภาพ 

ปฏิรูป!

(หัวเราะ) ผมก็ต้องบอกเขาตรงๆ ว่าเขาดูแลไม่เก่งนะ ขอดูแลเองได้มั้ย ต้องยอมทะเลาะ ผมทะเลาะกับพ่อผมจนไม่กินข้าวด้วยกันปีกว่า แต่อยู่บ้านเดียวกัน (แล้วทำยังไง) เวลาผมกิน เขาก็จะไปอยู่มุมของเขา แต่ก็คุยกันบ้าง 

พอเป็นเสาหลัก อาไทตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ยังไงบ้าง

ผมจะทำยังไงก็ได้ให้ครอบครัวสบายที่สุด ทุกคนมีอาชีพที่มั่นคง แล้วก็ไม่เป็นหนี้ใคร ผมตั้งใจไว้แค่นี้ 

ความตั้งใจของผมไม่สูง ผมมีเท่านี้แหละ 

หวังผลภายในกี่ปี

ภายในอายุสามสิบครับ มีเวลาอีกสิบปีนับจากนี้ ผมมองว่าเป็นไปได้ ถ้าทำทุกวันนะ 

ความรู้บวกเวลาจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ผมตั้งใจไว้

วางแผนอนาคตตั้งแต่อายุยังน้อย สำคัญยังไง

สำคัญมากครับ เพราะผมดูจากชีวิตพ่อผม บ้านผมจน บ้านผมติดลบ พ่อไม่เคยวางแผนอนาคต พ่อหาเงินวันนี้ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้ สุดท้ายเป็นยังไง ผมเลยต้องทำยังไงก็ได้ให้ไม่เป็นอย่างเขา อีกอย่างประเทศเรามีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่คนเกษียณอายุแล้วไม่มีตังค์ใช้ เพราะอะไร เพราะเขาขาดการคำนวณ การคำนวณชีวิตอาจจะไม่ได้คำนวณจากปัจจุบันถึงอนาคต บางครั้งอาจจะต้องคำนวณจากอนาคตถึงปัจจุบัน 

ผมวางวันตายของผมไว้แล้วด้วย

ห๊ะ จะตายตอนไหน

แปดสิบ ถ้าเกินกว่านั้นคือกำไร

ทำไมต้องแปดสิบ

มันเป็นค่าที่ตัวผมอยากจะไปถึง แต่ก็ไม่รู้ว่าถึงหรือเปล่า ถ้าผมตั้งจุดหมายไว้แปดสิบ สมมติผมอยากเกษียณตอนห้าสิบ ผมมีช่องว่างอีกสามสิบปี มันทำให้ผมรู้ว่าผมเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ เพื่อที่จะหาเงินให้เพียงพอต่อการเกษียณ เมื่อเกษียณแล้วผมจะไม่เป็นภาระใคร ถ้าคำนวณแบบนั้นตั้งแต่วันนี้ปัญหาก็อาจจะน้อยลง 

บางครั้งการเรียนการสอนสำคัญนะครับ บ้านเราควรจะปลูกฝังเรื่องการเงิน ตั้งแต่ประถมด้วยซ้ำ เพราะผมมาเรียนรู้เองตอนหลังผมยังเสียดายเลย โรงเรียนไม่เคยสอนว่าต้องรีไฟแนนซ์ทุกกี่ปี ไม่งั้นคุณจะโดนดอกเบี้ยบานมาก ไม่เคยสอนเรื่องภาษี คนต้องมาเรียนรู้เองข้างนอก ซึ่งมันควรจะเป็นรากฐาน (เน้นเสียง) ของการศึกษาด้วยซ้ำ 

ยังไม่รวมเงินเฟ้อนะครับ อีกสิบปีข้างหน้าเงินแสนอาจมีมูลค่าไม่ถึงแสนก็ได้ เราต้องคำนวณเผื่ออนาคตเอาไว้เยอะๆ ไม่ใช่วันนี้มี เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มี จริงๆ มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ 

ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่ควรจะเป็นเหมือนอาไทว่า คิดว่าอนาคตประเทศจะเป็นยังไง

ผมว่าดีขึ้น ไม่มากก็น้อย แต่ดีขึ้นแน่ๆ ถ้าพยายามปลูกฝังให้คิดเป็นตั้งแต่เด็ก 

จริงๆ ผมว่าบางคำถามก็ควรจะเปลี่ยนนะ เช่น เราชอบถามเด็กเสมอว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร ซึ่งควรจะถามเขาว่า โตขึ้นอยากมีชีวิตแบบไหน มันจะยิ่งกระตุ้นให้เด็กคิด โตขึ้นเขาจะมีชีวิตแบบไหน สมมติอยากเป็นแบบนี้ แล้วจะทำยังไงถึงจะได้ไปอยู่จุดนั้น เขาจะมีทางที่ชัดเจน ไปถึงจุดหมายได้เร็ว แต่ถ้าถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร 

ผมอยากเป็นตำรวจครับ แล้วยังไงต่อ เด็กบอกว่าอยากเป็นตำรวจ มันก็จบแล้ว

สนทนาไม่ติดตลกกับ อาไท-สุภทัต โอภาส ในชีวิตตลกที่ตบมุกตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง ชีวิต 17 ปี ในวงการ และทายาทตลกผู้สัญญาว่าจะเป็น 'ตลก' ที่ไม่หยุดพัฒนา

ถ้าถามอาไทด้วยคำถามเดียวกัน จะตอบว่าอะไร

โตขึ้นผมอยากมีชีวิตที่มีความสุข ครอบครัวไม่ยากลำบาก ผมแบ่งปันคนอื่นได้ ผมอยากมีชีวิตแบบนี้

ส่วนเรื่องการเรียนการสอนต้องรอเวลาพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ถ้าพัฒนาเร็วก็จะดี เพราะเด็กที่เกิดมาก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ผมถามว่าถ้าคนที่ไม่ได้มาเรียนรู้ด้วยตัวเองแบบผม เขาก็อาจจะมีมายด์เซ็ตแบบเดิมๆ ของเขา สำคัญคือมายด์เซ็ต ผมอยากให้มายด์เซ็ตคนเปลี่ยน หลายคนคงเคยได้ยินว่า เราบังคับให้เด็กทุกคนทำแบบนี้แบบนั้นไม่ได้ เพราะเด็กทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งสิ่งเดียว เราบังคับให้ปลาวิ่งแข่งไม่ได้ แต่ก็ให้มันว่ายน้ำไปสิ หรือลิงอาจจะไม่ได้อยากว่ายน้ำ มันอยากปีนต้นไม้ เพราะฉะนั้น เราไม่สามารถบังคับให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ด้วยวิธีการเดียว 

อาไทหมายถึงว่าคนเรามีความถนัดของตัวเอง ไม่ควรบังคับให้เขาเป็นในสิ่งที่ไม่อยากเป็น

ถูกต้อง เราไม่ควรบังคับ ควรส่งเสริมมากกว่า (เหมือนที่พ่อส่งเสริมอาไท) ใช่ เขาไม่เคยบังคับผมเลย ถ้าวันหนึ่งผมไม่อยากเป็นตลก เขาก็ไม่ขัด พอผมอยากเป็นตลก เขาส่งเสริมผมเต็มที่ ผมว่าผู้ใหญ่ต้องเข้าใจเด็กนะ 

แล้วอาไทมีมายด์เซ็ตแบบนี้หรือสนใจการวางแผนชีวิตตอนไหน

จริงๆ ผมเรียนรู้ด้วยตัวเองในออนไลน์ ประสบการณ์ชีวิตก็ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้เยอะมาก ผมชอบอ่านหนังสือคนที่เขาประสบความสำเร็จ ผมเลยรู้ว่าคนเหล่านี้มีมายด์เซ็ตคล้ายๆ กัน เขาไม่วางวันนี้ถึงอนาคต เขาวางอนาคตถึงวันนี้ อันนี้เป็นเรื่องง่ายๆ ที่หลายคนในบ้านเรายังไม่ได้คิดแบบนี้ ถ้าได้อ่าน ได้ศึกษา จะเป็นประโยชน์มาก (ลากเสียง) 

ส่วนเรื่องการลงทุน ผมสนใจเมื่อสองสามปีที่แล้วที่ผมเริ่มดูแลบ้านเอง บางครั้งผมผ่อนบ้าน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมผ่อนกับอะไร อ๋อ ที่ผ่านมาผ่อนแต่ดอกเบี้ย จ่ายเงินต้นแค่ห้าร้อยบาท ผมคิดว่าการเป็นผู้นำคน ต้องมีความรู้ในทุกๆ ด้าน บ้านผมจะมั่งคั่งได้ยังไง ผมต้องลงทุน ลงทุนคืออะไร กองทุนไง เพราะผมไม่มีเวลาดูหุ้นเอง SET50 ธนบัตรรัฐบาล ทอง หรืออะไรก็ได้ที่เงินเพิ่มพูน โดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรกับมัน 

ไม่เคยเห็นอาไทมุมนี้มาก่อน

ผมไม่เคยพูดกับใคร ไม่มีใครรู้เลยครับ มีแต่ที่บ้านกับคนสนิทๆ เท่านั้นที่รู้ 

อย่างที่บอกตอนแรกว่ามันเริ่มจากความจน ทุกคนที่เคยจนไม่มีใครอยากกลับไปจนหรอกครับ การจะไม่กลับไปจน สิ่งที่ต้องมีคือความรู้ ถ้าให้ผมเลือกว่าวันพรุ่งนี้จะมีเงินเข้าบัญชีผมสิบล้าน กับพรุ่งนี้ผมตื่นมามีความรู้มหาศาล ผมเลือกความรู้ เพราะความรู้จะนำพาซึ่งเงินหรืออะไรต่างๆ มาหาผม ซึ่งการลงทุนที่ดีที่สุดคือลงทุนความรู้ให้กับตัวเอง ซื้อหนังสือสักหนึ่งเล่มหรือเข้าไปอ่าน เข้าไปดูสิ่งที่เป็นความรู้ ฟังพอดแคสต์ก็ได้ ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณจะไม่เห็นผมเป็นตลกแก่ที่ไปเที่ยวของานทำ จะไม่เห็นผมเป็นแบบนั้น เพราะผมก็ไม่อยากเห็นตัวเองเป็นแบบนั้นเช่นกัน

ความภูมิใจของอาไทคืออะไร

ผมดูแลพ่อ ดูแลแม่ ดูแลครอบครัวได้ดี ในฐานะลูกคนหนึ่ง ในฐานะพี่คนหนึ่ง ในฐานะน้องคนหนึ่ง

ตั้งแต่คุยกันมา ทำไมอาไทนึกถึงคนอื่นก่อนที่จะเป็นตนเอง

นั่นน่ะสิ ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เขาแยกคนออกเป็นเก้าเลข (นพลักษณ์) ผมคือกลุ่มคนหมายเลขสอง ทำทุกอย่างเพื่อคนอื่นโดยไม่ห่วงตัวเอง และไม่หวังผลตอบแทน ผมเห็นชีวิตเขาดีขึ้น ผมโอเคแล้ว เหมือนผมดูแลแฟนผมทุกวันนี้ ผมแค่อยากเห็นครอบครัวแฟนผมดีขึ้น อยากเห็นเขาดีขึ้น โดยผมไม่ได้หวังอะไรตอบแทน

แล้วอาไทให้รางวัลหรือตอบแทนตัวเองยังไง

ผมไม่ต้องให้นะ เพราะทุกครั้งที่ผมให้มันเหมือนผมได้รับความสุขอยู่แล้ว ผมเห็นครอบครัวผมมีความสุขผมมีความสุขด้วย เห็นคนอื่นมีความสุขผมมีความสุขด้วย ผมเลยไม่จำเป็นจะต้องให้รางวัลตัวเอง

สนทนาไม่ติดตลกกับ สุภทัต โอภาส ในชีวิตตลกที่ตบมุกตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง ชีวิต 17 ปี ในวงการ และทายาทตลกผู้สัญญาว่าจะเป็น 'ตลก' ที่ไม่หยุดพัฒนา

ความสุขของคนอื่นคือความสุขของอาไท

ถูกต้อง นั่นแหละคือผู้ชายที่ชื่อว่าอาไท (ยิ้ม)

มองชีวิตด้านบวกจัง

ผมเป็นคนคิดบวกมากๆ ในทุกทีที่เราแย่ มันก็จะมีข้อดีของมัน คนที่จมอยู่กับปัญหาเขาจะผ่านปัญหาไปไม่ได้ เหมือนตอน COVID-19 คุณจะจมกับปัญหาหรือคุณจะแก้ปัญหา คุณมองวิกฤตเป็นวิกฤต หรือคุณมองวิกฤตเป็นความรู้ มันอยู่ที่มุมมอง ถ้าคุณมองวิกฤตครั้งนี้ว่าเป็นการเรียนรู้ ถ้ามีวิกฤตครั้งหน้าคุณก็จะมีความรู้ไปรับมือกับมันได้ 

ถ้าเรามีความคิดที่แข็งแรง ไม่ว่าอะไรเข้ามาเราก็จะสู้กับมันได้ด้วยแนวคิดของเรา 

เป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้ให้ความคิดลบๆ เลย

ไม่เคย ผมมีความคิดบวกของผมตลอดเวลา ผมวนกลับมาเหมือนเดิม เราต้องเรียนรู้ การที่ COVID-19 มา มันสอนอะไรเราบ้าง คนเรามีอาชีพเดียวไม่ได้แล้วนะ ควรจะมีเงินจากหลายๆ ทาง ผมมองว่ามันต้องเป็นแบบนั้น ถ้ามีรายได้จากหลายๆ ทาง ทางใดมันดับ ทางนี้ยังสว่างอยู่ ถ้ามีทางเดียว ดับก็ดับหมดเลย 

ต้องทำยังไงถึงจะมองโลกได้แบบอาไท

ต้องเชื่อก่อน เชื่อว่าอยากเป็นจริงมั้ย เหมือนผมอยากประสบความสำเร็จ ไม่ต้องมีคนมาบอกผมว่า คุณต้องประสบความสำเร็จ ไม่ต้องมีใครมาบอกผม แค่ผมคิด ผมจะหาทางของผมเอง ถ้าคนได้อ่านหรือฟังจากผมแล้วทำตามเพื่อที่จะเป็นแบบผม แต่ลึกๆ แล้วไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น เขาก็จะทำไม่ได้ เพราะมันฝืนตัวเขา เพราะฉะนั้น ต้องปรับมายด์เซ็ตตัวเองก่อนว่าคุณอยากเป็นแบบนี้จริงๆ มั้ย ถ้าคุณอยากเป็นจริง ไม่ต้องทำตามที่ผมบอกก็ได้ 

ถ้าคุณอยากทำจริง คุณจะไปหาทางของคุณจนได้

อยู่วงการมา 17 ปี อาไทประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง

ยัง (ตอบทันที) ยันตายด้วยซ้ำ

เพราะอะไร

ผมเป็นคนไม่หยุด ถึงแม้ผมตั้งเป้าไว้แล้ว ผมไปถึงแล้ว ผมก็จะไป ไปอีก ไปอีก ยันวันสุดท้ายที่ผมไม่ไหว นอนเป็นผัก ผมถึงจะหยุด ตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจ ผมก็จะไปเรื่อยๆ และผมเคยได้คำสอนจากผู้ใหญ่ เขาบอกว่า อย่าชอบตัวเองนะ ถ้าเมื่อไหร่ชอบตัวเอง เราจะไม่พัฒนา มีคนถามผมว่า ชอบตัวเองในทุกวันนี้หรือยัง พอใจในตัวเองหรือยัง ยัง ยังแน่นอน ผมไปของผมอีกเรื่อยๆ 

สนทนาไม่ติดตลกกับ สุภทัต โอภาส ในชีวิตตลกที่ตบมุกตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง ชีวิต 17 ปี ในวงการ และทายาทตลกผู้สัญญาว่าจะเป็น 'ตลก' ที่ไม่หยุดพัฒนา

แสดงว่าวันนี้อาไทก็ยังไม่ชอบตัวเอง

ยังครับ ถามว่าภูมิใจมั้ย ภูมิใจ แต่ก็ยังไม่สุด มันยังต้องไปได้ดีกว่านี้ มันต้องไปได้อีก

สู้

ผมไม่เคยยอมแพ้อะไรทั้งสิ้น

ตอนนี้อาไท 20 แล้ว อยากบอกอะไรกับอาไทวัย 3 ขวบครึ่งไหม

(นิ่งคิด) ถ้าย้อนกลับไปได้ก็จะบอกว่า สู้ๆ อนาคตไม่มีอะไรง่ายเลย ที่ไอ้เด็กคนนั้นกำลังจะผ่านไป มันไม่มีอะไรง่าย จงมีความคิดแบบนี้เข้าไว้ จงคิดบวกเข้าไว้ อย่าจมกับปัญหาเด็ดขาด ถ้าจมกับปัญหาเอ็งจะไม่มีทางผ่านมันไปได้แน่นอน เพราะครอบครัวเราหนักหนาสาหัสมาก ถ้าผมเป็นคนไม่สู้ก็คงจะไม่มีอาไทในวันนี้ อยากบอกว่า เก่งมาก 

อาไทเก่งมากจริงๆ 

ขอบคุณครับ คนเราต้องสู้กันไป เพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว เพื่อคนที่อยู่ข้างหลัง และคนที่จะมาในอนาคต

แล้ว 80 คิดว่าจะเป็นอาไทแบบไหน

เป็นคุณลุงแก่ๆ คนหนึ่งที่มีความสุขกับชีวิต ลูกหลานมาหาก็จะได้รอยยิ้มกลับไป 

ครอบครัวที่บ้านมีความสุข เป็นคนแก่ที่ไม่ต้องเป็นภาระใคร เป็นคนแก่ที่แบ่งปันคนอื่นได้ เท่านั้นเอง 

ยังจะเล่นตลกอยู่มั้ย

อาจจะคุยมุกมากกว่า เพราะมุกคงไม่หายไปจากตัวผมแน่นอน เล่นมุกให้ลูก ให้หลานดู เนี่ยนะ เมื่อประมาณเจ็ดสิบปีที่แล้วคุณปู่เล่นมุกแบบนี้ หลานยังตลกอยู่มั้ย ผมคงเป็นคนแก่ที่มีความสุขมาก ลูกหลานคงจะมีสังคมที่ดี มีชีวิตที่ดี ถ้าเราเตรียมพร้อมกันตั้งแต่วันนี้นะ ผมว่าเขาจะไม่ใช่หลานที่มาเตะผมเพื่อขอตังค์แน่นอน (หัวเราะ)

สนทนาไม่ติดตลกกับ สุภทัต โอภาส ในชีวิตตลกที่ตบมุกตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง ชีวิต 17 ปี ในวงการ และทายาทตลกผู้สัญญาว่าจะเป็น 'ตลก' ที่ไม่หยุดพัฒนา

Writer

สุทธิดา อุ่นจิต

สุทธิดา อุ่นจิต

กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ สู่ ลาดพร้าว - สุขุมวิท , พูดภาษาพม่าได้นิดหน่อย เป็นนักสะสมกระเป๋าผ้า ชอบหวานน้อยแต่มักได้หวานมาก

Photographer

Avatar

เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

ปัจจุบันกำลังหัดนอนก่อนเที่ยงคืน