“สวัสดีค่า”

เนื่องจากตอนนี้ ไอด้า บัวรัตน์ อยู่ที่นิวยอร์ก เราจึงต้องนัดคุยกันทาง Zoom เวลานัดคือเที่ยงของนิวยอร์ก ตรงกับ 5 ทุ่มเวลาประเทศไทย แม้จะงัวเงียแค่ไหน เสียงทักทายของไอด้าจากอีกซีกโลกทำให้ 5 ทุ่มดูสดใสในพริบตา

ไอด้า-อารยา บัว หรือ ไอด้า บัวรัตน์ เป็นนางแบบ Nonbinary ชาวไทย เจ้าของอินสตาแกรม whokilled_araya (“ใครฆ่าอารยา” เป็นวลีดังจากภาพยนตร์ตลกเรื่อง หอแต๋วแตก) ผู้ถ่ายแบบและเดินแบบให้กับแบรนด์ระดับโลก เธอเติบโตและใช้ชีวิตวัยเด็กเรียบง่ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ก่อนจะลัดฟ้ากลับมาไทยเพื่อประกวด Miss Tiffany ปี 2016 เวทีที่ไอด้า บัวรัตน์ ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงในชื่อ ‘อารยา บัว’ เธอเข้าถึงรอบ 12 คนสุดท้าย และคว้ารางวัลแต่งกายยอดเยี่ยมมาได้ 

Miss Tiffany กลายเป็นเวทีที่สร้างชื่อเสียงให้ชาวไทยรู้จักไอด้าครั้งแรก แต่หลายคนที่ติดตามคงเห็นว่าหลังจากเวทีนั้น ไอด้าหายไปจากหน้าสื่อนานหลายปีเพื่อเรียนมหาวิทยาลัย เธอหันหลังให้วงการบันเทิง กลับไปใช้ชีวิตเงียบๆ กับคุณแม่

แต่แล้ว ช่วง ค.ศ. 2020 – 2021 ที่ผ่านมา อารยา บัว ก็กลับมาอีกครั้ง เธอสลัดลุค Miss Tiffany กลายเป็นนางแบบหน้าใหม่ไฟแรงด้วยลุคที่เป็นตัวเองอย่างชัดเจนและมั่นใจเต็มเปี่ยม ไอด้าเป็นนางแบบให้เครื่องสำอาง Fenty Beauty ถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวในแคมเปญ Saint Laurent-Denims อยู่ในนิตยสารชั้นนำมากมาย อย่าง VOGUE Hong Kong และ i-D, รวมถึงปารีสแฟชั่นวีกครั้งล่าสุด ที่ไอด้าเป็นนางแบบบนรันเวย์ประจำคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2022 ของแบรนด์ Rick Owens และ Valentino

ไอด้า-อารยา บัว การต่อสู้และการเติบโตของนางแบบ Transgender ผู้ไปไกลถึงรันเวย์ระดับโลก
Vogue Hong Kong, Omni Vision
ภาพ : voguehk.com
ชีวิตและความฝันของ ‘ไอด้า-อารยา บัว’ นางแบบ Transgender จากเมืองไทย ผู้ฉายแสงในแคมเปญแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในนิวยอร์กและปารีส
i-D Magazine
ภาพ : i-d.vice.com

“ทุกอย่างเราทำเต็มที่ เราทำด้วยใจ ทุกงานเลยพิเศษสำหรับเราหมดเลย” ไอด้าเล่าถึงทุก Photoshoot และทุกรันเวย์ด้วยแววตาเป็นประกาย ทั้งเรื่องราวของวันที่เป็นวันของเธอ หรือเรื่องราวของวันที่เธอต้องร้องไห้

วันนี้เราจึงไม่อยากชวนไอด้าคุยถึงแค่ด้านสวยงามของอาชีพนางแบบเท่านั้น แต่ถึงความขรุขระของชีวิตด้วย บทสนทนากับไอด้าเป็นเหมือนการมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เธอพบเจอเรียนรู้มาในอดีต ใคร่ครวญถึงสิ่งที่เธอพยายามอยู่ในปัจจุบัน และตั้งความหวังถึงอนาคตที่เธอบอกกับเราอย่างมั่นใจว่า 

“เราจะเป็นนางแบบระดับท็อปของโลก”

ชีวิตและความฝันของ ‘ไอด้า-อารยา บัว’ นางแบบ Transgender จากเมืองไทย ผู้ฉายแสงในแคมเปญแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในนิวยอร์กและปารีส
ภาพ : kollektiv-mgmt.com
ชีวิตและความฝันของ ‘ไอด้า-อารยา บัว’ นางแบบ Transgender จากเมืองไทย ผู้ฉายแสงในแคมเปญแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในนิวยอร์กและปารีส
ภาพ : atlargemagazine.com

คุณทำอะไรบ้างในช่วง 5 ปีที่หายไปจากหน้าสื่อ

ใช้ชีวิตกับแม่ที่แอลเอ ตั้งใจเรียน อยู่กับเพื่อน ช่วงห้าปีนั้นไม่คิดทำงานนางแบบหรือทำงานในวงการบันเทิงอีกแล้ว เพราะประสบการณ์การเป็นคนมีชื่อเสียงสำหรับเรามันเครียดมาก ตอนเราไปประกวด Miss Tiffany เราเป็นแค่เด็กธรรมดาที่ผู้ใหญ่ชวนไป พอมีชื่อเสียงก็ช็อกเบาๆ ด้านดีคือได้เรียนรู้เยอะ แต่อีกด้านคือความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวเราที่ทำร้ายสุขภาพจิตก็เยอะขึ้นด้วย พออยู่ในจุดที่ทุกคนมองเห็น คนก็พิมพ์แสดงความคิดเห็นแย่ๆ เกี่ยวกับเราแบบที่ไม่คิดว่าเราจะรู้สึกอย่างไร 

ตอนนั้นเราใหม่มากกับการเป็นคนมีชื่อเสียง เลยอ่านทุกความคิดเห็น “บ้ง สติไม่มี พูดจาไม่รู้เรื่อง เมายาคุมหรอ ตัวจริงไม่เห็นดีเลย ไม่สวย” นอกจากในโซเชียลมีเดียแล้ว ก็ยังมีคนรอบข้างบางคนด้วยที่มีพลังลบมาก พอประกวด Miss Tiffany เสร็จ บินกลับมาแอลเอ ทำงานนางแบบกับเอเจนซี่ Transmodel ความคิดเห็นด้านลบก็ยังมีมาเรื่อยๆ หนึ่งปีผ่านไปก็รู้สึกว่าเรารับไม่ไหวแล้ว สุขภาพจิตเราไม่โอเค ไม่อยากเป็น ‘อารยา บัว’ แล้ว พอแล้วกับคนคนนี้ ไม่อยากทำแล้ว เลยตัดสินใจค่อยๆ หายไปใช้ชีวิตเงียบๆ

แล้ว ‘อารยา บัว’ กลับมาได้อย่างไร

จริงๆ ไม่ได้คิดจะกลับมานะ (หัวเราะ) สุขภาพจิตเราดีขึ้นมากจากการใช้ชีวิตธรรมดาๆ เจอเพื่อนใหม่ๆ ที่หลากหลายขึ้นตอนเรียน นั่งสมาธิทุกเช้า ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะเริ่มทำธุรกิจร้านอาหารกับแม่ที่ฮาวาย แต่เผอิญปีที่แล้วช่วงโควิด เอเจนซี่นางแบบ KOLLEKTIV MGMT ส่งข้อความมาหาเราทางอินสตาแกรมว่าอยากเจอเราที่นิวยอร์ก ตอนนั้นก็ปรึกษาเพื่อนว่าจะทำอีกดีไหม หรือจะไม่เอาแล้ว ซึ่งเพื่อนแนะนำว่าลองดูก็ไม่เสียหาย ก็เลยลองดูอีกสักตั้ง เอเจนซี่จองตั๋วให้บินไปนิวยอร์ก เราก็ไปแบบไม่ได้คาดหวังเลย ให้ทำอะไรก็ทำ ให้เซ็นสัญญาก็เซ็น ไม่ได้อ่านสัญญาด้วยซ้ำ กลับมาอ่าน อ้าวห้าปีเลยหรอ (หัวเราะ)

ชีวิตและความฝันของ ‘ไอด้า-อารยา บัว’ นางแบบ Transgender จากเมืองไทย ผู้ฉายแสงในแคมเปญแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในนิวยอร์กและปารีส

เซ็นสัญญาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

วันรุ่งขึ้นได้ถ่ายโฆษณารองพื้นยี่ห้อ Fenty Beauty ของ Rihanna เลย หลังจากนั้นก็ได้ไปแคสต์งาน Alexander Wang กับมี YSL ติดต่อมา ซึ่งทาง YSL เขาสนใจ แต่บอกว่าพอร์ตโฟลิโอเราลุคไม่ชัดเจน เอเจนซี่เลยให้เราถ่ายรูปส่งไปให้เขา ตอนนั้นอยู่ซูเปอร์มาเก็ต ใส่โค้ตตัวใหญ่ๆ หน้าไม่ได้แต่ง ก็เซลฟี่ส่งไปให้เขา ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเอเจนซี่ก็ติดต่อกลับมาว่า เราต้องแพ็กกระเป๋าเลยเพื่อบินไปปารีสพรุ่งนี้ เพราะ YSL ให้เราเซ็น Exclusive Account คือทำงานให้แบรนด์ไหนไม่ได้เลยนอกจาก YSL 1 เดือน เราเลยต้องปฏิเสธ Alexander Wang ไป 

ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราไปเก็บตัวอยู่กับ YSL ทั้งเดือน ไปฟิตติ้ง ไปลองเมคอัพลุค เป็นหนึ่งในนางแบบยี่สิบห้าคนจากทั่วโลกที่เขาคัดเลือกให้ไปเดินแฟชั่นโชว์ที่ไอซ์แลนด์ แต่นาทีสุดท้ายติดขัดเรื่องโควิด เขาต้องจำกัดจำนวนคนที่พาไป เราเป็นหนึ่งในคนที่ถูกคัดออก เสียใจ ร้องไห้เลย แต่อย่างน้อยก็ได้ค่าตัว (หัวเราะ)

ตอนแคสต์แต่ละครั้ง พกทัศนคติแบบไหนไป

แม้ว่าจะเฟลมาเยอะมาก (ลากเสียง) แต่เราจะต้องพกความมั่นใจไปแคสต์ทุกครั้ง ปกติแฟชั่นวีกจะเริ่มที่นิวยอร์กก่อน ตามด้วยมิลานและปารีส ความเฟลเริ่มจากเราแคสต์นิวยอร์กแฟชั่นวีกไม่ได้เลยสักแบรนด์ ร้องไห้ ท้อมาก ไม่ไหวแล้ว แต่ปลุกใจว่ายังมีมิลานกับปารีส

เราบินไปมิลาน ฟิตติ้งของ Burberry แต่ไม่ได้งานเพราะเป็นคอลเลกชันที่เขาต้องการคนสูง แล้วเราสูงไม่พอ แคสต์ Fendi ก็ไม่ได้ แคสต์ทุกแบรนด์ในมิลานก็ยังไม่ได้เลยสักแบรนด์ แฟนก็ทิ้งอีก แล้วพอทางเอเจนซี่ที่ปารีสเห็นว่าไม่ได้งานที่นิวยอร์กกับมิลานสักงาน เลยจะไม่ให้ไปแคสต์ที่ปารีสแฟชั่นวีกแล้ว 

แต่ตอนที่เรากำลังจะบินกลับนิวยอร์ก Rick Owens ก็ติดต่อเอเจนซี่หลักมาว่า ขอให้ไอด้าบินไปฟิตติ้งที่ปารีสได้ไหม โดยไม่ต้องแคสติ้ง เราดีใจมาก ได้ไปปารีสและได้เดินแฟชั่นโชว์ให้ Rick Owens เราเลยไปแคสต์ Valentino อีกงาน ไปด้วยความคิดว่าเราแค่ไปแสดงให้ Valentino เห็นว่านี่คือตัวตนของอารยา บัว เดินด้วยทัศนคติแบบมั่นใจมากว่า “เธอต้องเลือกฉัน” 

ตอนนั้นคิดว่าถึงเฟลมาทุกอย่างแล้ว แต่ใจต้องสู้ แคสต์เสร็จกำลังเดินกลับโรงแรม เอเจนซี่ก็โทรมาว่า Valentino อยากให้เดินแฟชั่นโชว์ให้นะ เราก็บอกเอเจนซี่ไปว่า “You know? I already knew it.” (รู้ไหม ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ) 

ชีวิตและความฝันของ ‘ไอด้า-อารยา บัว’ นางแบบ Transgender จากเมืองไทย ผู้ฉายแสงในแคมเปญแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในนิวยอร์กและปารีส
Rick Owens S/S 22 Show
ชีวิตและความฝันของ ‘ไอด้า-อารยา บัว’ นางแบบ Transgender จากเมืองไทย ผู้ฉายแสงในแคมเปญแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในนิวยอร์กและปารีส
Valentino S/S 22 Show
ภาพ : valentino.com

การเป็นนางแบบทรานสเจนเดอร์มีผลต่อการแคสติ้งแต่ละครั้งไหม

ไม่ วงการแฟชั่นที่นี่มองข้ามเรื่องเพศไปแล้ว ตอนไปแคสต์งานหรือในพอร์ตโฟลิโอ เราไม่ต้องกรอกเพศเลย เขามองไอด้าเป็นไอด้า เป็นนางแบบ ไม่ได้มองเป็นทรานส์โมเดล (นางแบบข้ามเพศ) ด้วยซ้ำ

ตั้งแต่ทำงานนางแบบมา มีงานที่ชอบเป็นพิเศษไหม

ถ้าให้พูดจากใจจริงนะ ไม่มีเลย (หัวเราะ) เพราะโอกาสไม่ได้มาง่ายๆ เราเองก็ต้องไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆ ทุกอย่างเราทำเต็มที่ เราทำด้วยใจ ทุกงานเลยพิเศษสำหรับเราหมดเลย

เป็นนางแบบต้องเรียนรู้อย่างไร

ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเยอะมาก ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าต้องเรียนรู้อีกเยอะ เราจะใช้การฟังและสังเกต คอยฟังช่างภาพและดูรูปว่ามุมไหนเราได้ลุค Feminine (ดูผู้หญิง) มุมไหนเราดู Masculine (ดูผู้ชาย) ดูทิศทางแสง ศึกษาท่าโพสต่างๆ ซึ่งเราเองก็ต้องปลดปล่อยไอเดียออกมาตอนถ่ายแบบด้วย อย่าเขิน ถ้าอะไรไม่เวิร์ก ช่างภาพจะบอกเอง แล้วเราก็ต้องจำเอาไว้

เราเรียนรู้จากการดูนางแบบคนอื่นด้วย นางแบบที่เราชอบคือ Natasha Poly เป็นนางแบบยุค 2000 เราศึกษาในแง่มุมว่า ทำไมเขามาถึงจุดที่โด่งดังได้ ทำไมผ่านมายี่สิบปีแล้วเขายังได้โชว์และขึ้นปกนิตยสารอยู่ ซึ่งเราพบว่าสิ่งที่ทำให้เขาอยู่ในวงการได้นาน คือความเชื่อมั่นและความชัดเจนในความเป็นตัวเอง

ชีวิตและความฝันของ ‘ไอด้า-อารยา บัว’ นางแบบ Transgender จากเมืองไทย ผู้ฉายแสงในแคมเปญแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในนิวยอร์กและปารีส
ภาพ : kollektiv-mgmt.com

วงการนางแบบในต่างประเทศการแข่งขันสูงขนาดไหน

แข่งขันสูงมาก (ลากเสียง) คัดจากรูปถ่ายสามร้อย สี่ร้อยคน จากนางแบบทั่วโลกเหลือร้อยกว่าคน แล้วนัดแคสต์จากร้อยคน คัดเหลือห้าสิบคนเดินแฟชั่นโชว์

ไอด้าชอบเป็นนางแบบไหม

ชอบมาก (ลากเสียง) มีความสุขมาก

พอคุณแม่หรือครอบครัวเห็นความสำเร็จแล้วมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง

สมัยก่อนคุณแม่จะไม่สนับสนุนให้ทำงานในวงการบันเทิงเลย ตามประสาพ่อแม่เอเชียเนอะ เขาอพยพมาทำงานที่อเมริกาตั้งแต่เราอายุห้าขวบ เป็นคนไทยรุ่นแรกๆ ในแอลเอที่อยากให้ลูกมีความมั่นคง แต่พอเขาเห็นเราทำงานตรงนี้แล้วมีเงินเลี้ยงตัวเองได้ เขาเลยเปลี่ยนความคิดว่า ลูกมาทำงานตรงนี้และทำได้ดีมาก เขาก็จะสนับสนุนเต็มที่ ตอนนี้คุณแม่ปลื้มมากค่ะ แชร์ทุกช่องทาง (หัวเราะ)

ตอนนี้คุณมองว่าตัวเองเป็นคนชาติอะไร

เราภูมิใจในความเป็นคนไทยของเรา เพราะพ่อแม่เราเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ คือวงการนางแบบที่นี่ไม่ได้สนใจมากหรอกว่าเรามาจากชาติไหน แต่เราจะบอกคนอื่นตลอดว่ามาจากประเทศไทย ส่วนมากนางแบบเอเชียจะเป็นเชื้อชาติเกาหลี จีน ญี่ปุ่น ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้จะไม่ค่อยเจอ ไปทำงานที่ไหนก็เห็นเขาพูดคุยจับกลุ่มกัน บ้านเขามีโรงเรียนสอนเดินแบบเป็นเรื่องเป็นราวนะ ส่วนเราเป็นคนไทยคนเดียวตลอด ในอีกแง่หนึ่ง เราเลยเหมือนอยู่ในวงการตรงนี้ เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าคนไทยมีหน้าตา มีลุคแบบไหนด้วย

คิดว่าวงการนางแบบไทยกับต่างประเทศต่างกันอย่างไร

เราไม่เคยทำงานในวงการนางแบบไทย เวลามีคนถามว่าเดินแบบที่ไทยเป็นยังไง ก็ตอบได้แค่ว่า ฉันไม่รู้ ไม่เคยเดินแบบที่ไทยเลย 

แต่จากที่เราเห็นในสื่อ เราอยากให้วงการที่ไทยเปิดกว้างเรื่องมาตรฐานความงาม (Beauty Standard) ความงามของโลกสากลมันมีหลายสี หลายชาติ หลายขนาด โลกสากลมองว่างานนางแบบคือการเป็นตัวเองที่สุดโดยไม่ฝืน แต่เรายังเห็นว่าการเป็นนางแบบที่ไทยต้องใส่คอนแทคเลนส์สี เพื่อให้ดูสวยแบบที่ผู้ใหญ่มองว่าสวยอยู่เลย

ชีวิตและความฝันของ ‘ไอด้า-อารยา บัว’ นางแบบ Transgender จากเมืองไทย ผู้ฉายแสงในแคมเปญแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในนิวยอร์กและปารีส
ภาพ : kollektiv-mgmt.com

สำหรับไอด้า อะไรที่ช่วยให้เราเป็นตัวเองได้เต็มที่ขึ้นโดยไม่ต้องสนใจมาตรฐานความงาม

ความมั่นใจ ไม่ต้องไปกลัว สิ่งแรกที่ทำให้คนไม่ได้ก้าวออกมาเป็นตัวเองคือความกลัว กลัวว่าจะตลก กลัวคนจะล้อ ก็กลัวกันอยู่แบบนี้เลยไม่ได้แสดงตัวตนออกมา อย่าไปสนคนที่มาติเรา เพราะเราเป็นตัวเอง ถ้าเรารักตัวเอง มั่นใจแล้วทำออกมาเลย

สำหรับเรา ความมั่นใจช่วยเราในการทำงานกับคนอื่นด้วย เพราะพอเราในฐานะนางแบบเชื่อในตัวเองว่าจะต้องเป็นหนึ่งส่วนที่ทำให้แฟชั่นโชว์ออกมาดี เพื่อนร่วมงานก็จะเชื่อในตัวเรา แล้วทุกคนจะพากันทำเต็มที่จนไปได้ไกลด้วยกันทั้งหมด

อะไรคือเป้าหมายในอนาคตของนางแบบชื่อไอด้า

เป้าหมายที่จะต้องให้ถึงจริงๆ คือเราจะเป็นนางแบบระดับท็อปของโลก เรายังเป็น Newbie แต่ที่ผ่านมามันมาดีแล้ว ที่เหลือคือใช้เวลาพยายามไปเรื่อยๆ จะกี่ปีก็พยายามไป เราเพิ่งเข้าวงการแฟชั่นระดับโลก เรายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่วันหนึ่งเราจะต้องถึงระดับท็อปให้ได้

สุดท้ายแล้ว คุณอยากบอกอะไรกับผู้อ่านไทย

อย่างแรกคือ คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน ไม่ต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น สิ่งที่เราเปรียบเทียบได้คือตัวเราเมื่อวานนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้น ลองถามตัวเองว่าเราดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง 

อีกอย่างที่อยากฝากคือ ถ้าเรามีความฝัน อยากให้เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อใจตัวเอง ฟังตัวเอง ไม่ต้องไปเอาคำคนอื่นที่เขาไม่เชื่อในตัวเรามาใส่ใจ พลังที่ดีที่สุดคือการเชื่อใจตัวเองและทำปัจจุบันให้เต็มที่ เราอาจไม่เห็นผลวันนี้พรุ่งนี้หรอก แต่วันข้างหน้ามันสำเร็จได้แน่นอน

ขอบคุณภาพจาก

www.kollektiv-mgmt.com/talent/55-aida-buarat/

models.com/models/aida-buarat

Writer

ภาสินี ประมูลวงศ์

ภาสินี ประมูลวงศ์

ภาสินีอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ก เธอทำงานในทีมการศึกษาที่ Alice Austen House พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับภาพถ่าย LGBTQIA+ กิจกรรมและคลาสของเธอพูดถึงเพศสภาพ อัตลักษณ์ ประวัติศาสตร์ และการเรียนรู้ตัวเองผ่านสิ่งเหล่านั้น ในเวลาว่าง ภาสินีจะทำงานที่หอจดหมายเหตุประชาชน Lesbian Herstory Archives ซึ่งเธอเป็นผู้ดูแลหลักของคอลเลกชันโปสการ์ดและสติกเกอร์