4 พฤศจิกายน 2017
19 K

แปม เทิดวงส์ เป็นกราฟิกดีไซเนอร์

เธออยู่ชั้นสองบนบ้านพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก

แต่ก็มีความฝันอยากมีบ้านของตัวเองตั้งแต่เล็ก

ชอบของเก่า ชอบงานไม้ ชอบงานปูน ชอบงานเหล็ก

 

เพราะบ้านคือความฝันที่เป็นนัมเบอร์วันของชีวิต

เป็นคนชอบตกแต่งบ้านตั้งแต่ยังไม่มีบ้าน หมายความว่า ซื้อของแต่งบ้านตั้งแต่ตัวเองยังไม่มีบ้านน่ะ ซื้อจานตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าบ้านจะหน้าตายังไง เป็นคนซื้อทุกอย่างตั้งแต่เด็ก ชอบแจกัน ชอบเทียน ชอบ 360 องศา โดยเฉพาะของมือสอง ของเก่า ของวินเทจ เห็นไม่ได้ เดินทุกที่ที่มีของเก่าในเมืองไทย เมืองนอกทุกเมืองที่ไปต้องสืบว่า flea market อยู่ตรงไหน ตอนนั้นอยู่กับพ่อแม่ ก็เก็บไว้ในห้องนอน ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่เลย แล้วก็อัดของมากมายเข้าไปในนั้น

ตู้

 

ของหลายอย่างที่ได้มาอาจเพราะฟ้าลิขิต

ซื้อกล้องเก่า ใช้ได้ไม่ได้ไม่เป็นไร เอารูปฟอร์มสวย นาฬิกาตั้งโต๊ะ นาฬิกาพลิก ก็มีหมด เครื่องเขียนก็ชอบ ซื้อสมุดสะสมแสตมป์เก่า จดหมายเก่า ชอบดูลายมือคนยุคนั้นที่อยู่ในโปสการ์ด บางทีเห็นรูปเพื่อนที่ไปเที่ยวเมืองนอก เราสามารถซูมเข้าไปจนเห็นของที่อยู่ในมุมภาพนั้นให้เพื่อนซื้อกลับมา คือเพื่อนจะโชว์ว่าวันนี้ฉันสวยมั้ย แต่เรากลับสแกนของข้างหลังน่ะ คร็อปแล้วก็ฝากให้ซื้อกลับมา เฮ้ยซื้อขวดนี้กลับมาให้ด้วย อะไรแบบนี้

ชั้น ของแต่งบ้าน ช้อน

 

กล้องหลายตัวประมูลมาได้แบบหวุดหวิด

ของสะสม

กล้อง

 

แต่ของอีกเยอะก็ซื้อโดยไม่ยั้งคิด

นาฬิกา ตุ๊กตา

ตุ๊กตายุคสงครามโลกที่หลานกลัวและบอกอาแปมโรคจิต

ตุ๊กตา

 

ชุดแก้วโบราณที่ได้จากทั้งไทยและอังกฤษ

แก้ว

 

ผ้าใช้ในครัวลายสวยเห็นทีไรอยากได้สุดฤทธิ์

ผ้า

 

มันช่างมากมายเสียจนเกรงใจบัตรเครดิต

ผ้า

 

เฮ่อ…ดีนะที่เป็นดีไซเนอร์ไม่ใช่นักธุรกิจ

ผนัง

 

เรื่องข้าวของพอละ มาเข้าเรื่องบ้านกันสักนิด

พอจะมีบ้าน ก็บอกพ่อ แปมอยากสร้างบ้าน ตอนแรกจะซื้อคอนโด แต่ก็คิดว่าจะไปอยู่ไกลพ่อแม่ทำไม อยู่ใกล้ๆ กันดีกว่า ก็เลยตัดสินใจสร้างบ้านในพื้นที่เดิม ขอไม่ใหญ่มาก แต่ให้มีพื้นที่ใช้สอย เล่นระดับบ้านเอา เอาสัก 3 ชั้น ตอนแรกก็คุยกันอยู่นานว่าอยากให้บ้านเป็นยังไง ไม่อยากให้พ่อแม่อึดอัด บ้านเลยเป็นตัว L เพื่อให้ตรงกลางมีความโล่ง ไม่บังบ้านเดิม

ร่มรื่น หน้าต่าง

 

ทีแรกตอนพ่อแม่เห็นก็แอบหงุดหงิด

พ่อแม่เข้ามาก็จะบ่นๆ บ้าง ทำไมบันไดไม่มีราวจับ ทำไมเก้าอี้ไม่เหมือนกัน ทำไมดู cheap ทำไมถ้วยชามไม่เป็นเซ็ตเดียวกัน ทำไมทำสีดำ เราก็บอกข้างล่างแค่สีดำ ข้างบนก็สีอื่น สดใส ถึงเขาจะไม่ได้อยู่ แต่เขาก็ต้องเห็นมัน ก็เกรงใจนิดหนึ่ง

เก้าอี้โยก อาหารเช้า

 

พอบ้านเสร็จเห็นทุกดีเทลทุกสไตล์ก็เริ่มใกล้ชิด

พอเสร็จแล้ว ดูทั่วแล้ว เขาก็ชอบนะ เรื่องสไตล์นี่มันอาจจะกระโดดไปกระโดดมาก่อนหน้านี้ที่ตัวเรายังไม่นิ่ง แต่นี่คือมาอยู่ในวัยที่นิ่งแล้ว สมัยก่อนก็ชอบหลายแบบ ชอบเรโทร ชอบสแกนดิเนเวียน คืองงๆ น่ะ รู้แต่ว่า วินเทจ แอนทีก อะไรงี้ แต่ยังไม่รู้ว่าอะไรที่มาแป๊บเดียวก็เบื่อ อย่างเรโทร เราเบื่อ ก็เลยมาดูว่าอะไรที่เราจะเบื่อน้อยที่สุด

ตู้

 

ทุกสิ่งเลือกตามชอบใจ ไม่มีอะไรถูกผิด

มันมีความ rustic มีสนิมๆ มีความ industrial ผสมกับ shabby chic คือเป็นคำเนี้ย shabby chic น่าจะครอบคลุมสุด คือเอา junk เข้ามา พวกของใช้แล้ว ของที่คนอื่นไม่เอา เป็นคนชอบ junk น่ะ ชอบไปคุ้ย เพราะจะได้เจออะไรประหลาดๆ รวมๆ มู้ดมีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ มันก็ junk แหละ มันเชื่อมด้วยของเก่า ของมือสอง ของที่ดูจะเป็นขยะ ของในยุคนั้นยุคนี้ เราก็ไม่รู้เราทำถูกรึเปล่านะ ของบางอย่างที่เขาทิ้งแล้วเราก็ไปเก็บมา ของบางอย่างมันใช้ยากนะ แต่มันแอนทีกไง เราก็ยอมใช้ทั้งที่มันยากๆ แบบนั้นน่ะ เพราะเราชอบ อย่างก๊อกน้ำทองเหลืองที่แข็ง มันไม่สะดวกสบายนะ แต่มันสวยไง ก็เราเป็นคนแบบนี้ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ถูกต้องหรอก แต่มันถูกใจน่ะ

ตู้

 

ห้องในบ้านไม่ต่อเนื่องกันด้วยมีประตูกั้นปิด

ทุกห้องที่ทำได้ใช้หมด ทำไมต้องมีหลายๆ ห้อง ทำไมไม่ให้อยู่สเปซเดียวกันหรือต่อเนื่องกัน เราไม่ชอบ เรารู้สึกว่าการมีห้องหลายๆ ห้องมันเป็นการเปลี่ยนมู้ด มาห้องนี้เป็นมู้ดนี้ ไปห้องนั้นก็มู้ดนั้น ไม่อยากให้เข้ามาบ้านแล้วทุกอย่างเป็นมู้ดเดียวกันหมด แล้วการเปลี่ยนมู้ดมันคือทุกเรื่องเลยนะ สีของห้อง สไตล์ และกลิ่น คือเราชอบกลิ่นแบบนี้ ในขณะเดียวกันเราก็ชอบกลิ่นแบบนั้นด้วย ก็เอาไปวางในห้องนอนดีกว่า บ้านที่เป็นสเปซเดียวกันก็จะได้ความสะดวกสบาย แต่เรามันเป็นโรคดัดจริต อยากมีมู้ดนั้นมู้ดนี้ในบ้านหลังเดียว

แต่งบ้าน

 

เพื่อนชอบมาใช้ครัวชั้นล่างทำสปาเก็ตตี้ปลาสลิด

ชั้นล่างเป็นแพนทรีก็จะโปร่งๆ ดำๆ สีดำเวลามีต้นไม้เขียวๆ รอบๆ มันก็สวยดี ดำกับไม้ก็สวยดี ทุกอย่างมันต้องลองมาจัดวางน่ะ ห้องนี้คิดไว้แล้วว่าพื้นต้องเป็นแบบนี้ เป็นหินอ่อนปูแบบนี้ เดินแล้วเย็นๆ เป็นคนชอบจานมาก รู้เลยว่าเดี๋ยวจานจะมาเรื่อยๆ ก็เลยให้ทำชั้นซี่ๆ เตรียมไว้ ได้มาก็เสียบๆ เข้าไป เป็นที่พักจานและโชว์ได้ในตัว เพื่อนที่มาก็จะทำอาหารกินกันอยู่ห้องนี้

ห้องครัว จาน กาแฟ

 

ห้องทำงานชั้นสองไว้คิดไว้เขียนกับเก็บของสะสมที่ไม่น้อยนิด

ถ้าต้องทำงานก็จะมานั่งห้องนี้ ผนังก็บิลท์เป็นที่เก็บของทั้งหมด ดูเหมือนจะบ้าบอ แต่ก็ชอบทุกอย่างนะ ของบางอย่างได้มาชิ้นหนึ่งแล้ว พอไปเจออีกก็เออมันต้องมีเพื่อนเปล่า มาอยู่ด้วยกันมันถึงจะสวย ของเก่าพวกนี้กลางคืนมันก็ก๊อกๆ แก๊กๆ เหมือนกัน ดีว่าเช้าแล้วมันก็อยู่กันที่เดิม

โต๊ะทำงาน ห้องทำงาน

 

อีกห้องเป็น living room ที่กลับมาเมื่อไหร่พุ่งไปสิงสถิต

ห้องนี้ไว้เกลือกกลิ้ง กลับมาบ้านจึงเข้าห้องนี้ก่อน เปิดทีวี นอน กลิ้งเล่นมือถืออยู่ตรงนี้ เป็นห้องที่ให้มู้ดสบายๆ ถึงเวลาก็ขึ้นไปนอน

โซฟา ห้องนั่งเล่น

 

ห้องนอนอยู่ชั้นบนสุดกับสเปซที่เงียบสนิท

ห้องนอนอยู่ในสุดเลย เพื่อไม่ให้เสียงจากถนนเข้ามา แล้วก็จะโล่งๆ คลีนๆ สะอาดๆ เพราะรู้สึกว่ามันสบายตากว่า ผ่านการอยู่รกๆ มาแล้วในห้องนอนเก่า อายุมาจนถึงตอนนี้แล้วถ้าจะนอนทุกอย่างต้องไม่รกน่ะ ขอคลีนๆ ขาวๆ สะอาด สงบ

ห้องนอน

 

ห้องน้ำเจาะผนังเพื่อวิวข้างบ้านที่เรามีสิทธิ์

ห้องน้ำเองก็เหมือนกัน ขอขาวๆ สะอาด คลีน โปร่งโล่ง มีแสงแดดเข้า มีหน้าต่างใหญ่ๆ แสงแดดนี่สำคัญ บ้านนี้จะมีแสงเข้ามาได้เยอะ ชอบเงาของต้นไม้ที่เข้ามาในบ้าน ทีแรกห้องน้ำก็ทึบนะ เพราะคนดีไซน์หวังดี กลัวโป๊ แต่เราบอกว่าไม่ต้องหวังดี เราระวังของเราเองได้ ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นปัญหา ก็เลยทุบเลย เราต้องการได้วิวต้นไม้ ตอนไม่ใช้ห้องน้ำเราก็เปิดมู่ลี่ เพราะเช้าแดดจะเข้าทางนี้

ห้องน้ำ หน้าต่าง

 

ทำความสะอาดบ้านเองจะได้ไม่ต้องทำจมูกฟุดฟิด

การอยู่บ้านของเราในวันเสาร์-อาทิตย์ คือทำความสะอาดบ้าน ทำเอง 3 ชั้น ก็จะใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่ดีหน่อย แต่เราเอนจอยนะ เพราะเรารู้ว่าต้องระวังยังไงบ้าง เพื่อนรู้ก็ตกใจนะว่าทำเอง แต่พอลองทำดูก็ไม่เท่าไหร่นะ ครึ่งวันของวันเสาร์ พอเสร็จบ่ายก็ไปเดินจตุจักร ได้ออกกำลังกาย เหมือนไปยิม

ห้องนอน

 

ต้องยอมรับตรงๆ ว่าบ้านนี้มันคงไม่พ้นคำว่าดัด…

หน้าหนาวแดดจะสวยมาก ตื่นมาถ่ายรูปทุกเช้า เพราะองศาแดดไม่เหมือนเดิม เราน่ะรู้ของเรา ว่าแดดแต่ละฤดูไม่เหมือนกัน และเราก็เอนจอยมาก

ห้องนั่งเล่น
*อ่านเฉพาะหัวเรื่องต่อกันจะได้เรื่องย่อตามที่คิด

Writer & Photographer

Avatar

มนูญ ทองนพรัตน์

ชอบไปบ้านคนอื่นแต่ชอบอยู่บ้านตัวเอง ตื่นเต้นกับความคิดของคนที่มีต่อที่อยู่อาศัย เพราะบ่อยครั้งที่เรื่องเล่าถึงเรื่องราวรอบๆ ตัวจะบอกถึงเรื่องจริงที่อยู่ข้างในตัวได้เสมอ