01
“ฉันขอโทรหาตำรวจก่อนนะ” แครอลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสาย
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในฉากของหนังจารกรรมระดับฮอลลีวูดสักเรื่อง
ย้อนกลับไป 15 นาทีก่อนหน้านี้ รถตู้สีดำพาผมและกลุ่มคนในชุดสูทมาส่งที่ Library of Congress หรือหอสมุดรัฐสภาสหรัฐ ที่นี่คือห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และทรงอิทธิพลต่อห้องสมุดทั่วโลก
รถตู้ไม่ได้จอดที่หน้าอาคารหลักซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่ส่งพวกเราที่อาคารจอห์น อดัมส์ (John Adams) ซึ่งอยู่อีกด้านของถนน ตึกหลังนี้มีอายุกว่าร้อยปี เช่นเดียวกับตึกมากมายที่อยู่รายล้อมแคปิตอลฮิลล์ (Capitol Hill) อาคารระดับแลนด์มาร์กของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา
กลุ่มคนในชุดสูทพาผมเดินผ่านระบบรักษาความปลอดภัยและเครื่องเอกซเรย์ไปพบกับเจ้าหน้าที่หญิงชาวอเมริกัน เธอพาพวกเรากดลิฟต์ประตูทองเหลืองรุ่นคลาสสิกลงไปชั้นใต้ดิน แล้วเดินนำไปตามทางเดินยาวๆ เหมือนฐานทัพลับของสักหน่วยงานที่เราเห็นกันในหนังฮอลลีวูด
เดินมาเกือบสุดทาง หญิงอเมริกันคนนั้นหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งแล้วเอาบัตรพนักงานที่ห้อยคอแตะเพื่อเปิดประตู ด้านในดูคล้ายห้องเก็บของขนาดใหญ่ ผนังปิดทึบทุกด้าน และอัดแน่นไปด้วยชั้นเหล็ก บนชั้นเหล็กเต็มไปด้วยกล่องกระดาษซึ่งทุกกล่องมีป้ายอธิบายแปะไว้อย่างเป็นระบบ
ที่นี่คือส่วนหนึ่งของห้องเก็บคอลเลกชันเกี่ยวกับดนตรีของหอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ หอสมุดระดับโลกแห่งนี้ไม่ได้เก็บแค่หนังสือเท่านั้น แต่ยังเก็บเครื่องดนตรีล้ำค่าเอาไว้มากมาย
เจ้าหน้าที่คนเดิมพาพวกเราเดินเข้าไปตามทางเดินกลางห้องจนสุดทาง ก็พบประตูเหล็กสีเทาที่ดูหนาและหนัก เธอจัดการปลดรหัสเพื่อเปิดประตูให้เราเข้า
ด้านในเป็นห้องทำงานของเธอ ห้องขนาดประมาณ 5×5 เมตร ห้องนี้มิดชิดและแน่นหนาจนเหมือนนั่งทำงานในตู้เซฟ ทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูป เพราะมันเต็มไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่คนนอกไม่ควรเห็น
“ปิดประตูด้วย” เจ้าของห้องบอกเมื่อคนสุดท้ายก้าวเท้าเข้ามา “ไม่งั้นจะเปิดประตูอีกบานไม่ได้”
ด้านในห้องทำงานของเธอยังมีประตูเหล็กอีกบานที่ดูแน่นและหนากว่าประตูบานแรก
“ฉันขอโทรหาตำรวจก่อนนะ ฉันต้องบอกเขาว่า ฉันกำลังจะเปิดประตู เพราะทุกครั้งที่เปิดประตูบานนี้จะมีเสียงสัญญาณดังที่สถานีตำรวจ” เจ้าของห้องพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับว่านี่คือขั้นตอนอันแสนจะธรรมดา
เมื่อวางสาย แครอล ลินน์ วอร์ด-แบมฟอร์ด (Carol Lynn Ward-Bamford) ภัณฑารักษ์ด้านเครื่องดนตรีของหอสมุดรัฐสภาก็เปิดประตูแห่งความลับออก แล้วเดินนำพวกเราเข้าสู่ห้องที่อยู่ด้านใน ซึ่งใหญ่กว่าห้องทำงานของเธอราว 4 เท่า ผนังทุกด้านเป็นกำแพงทึบ รอบห้องเป็นชั้นที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ตรงกลางห้องเป็นตู้โชว์ยุคเก่าทำจากไม้แบบที่ด้านบนเป็นกระจกใส
ส่วนมุมห้องที่เป็นที่วางของลังไม้ซึ่งด้านในเต็มไปด้วยอุปกรณ์กันกระแทกและวัสดุพิเศษมากมาย ลังพวกนี้เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศไทย
แครอลบอกว่า นี่คือห้องที่ใช้เก็บเครื่องดนตรีไทยทั้ง 10 ชิ้นที่รัชกาลที่ 9 พระราชทานแก่หอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อพระองค์เสด็จฯ เยือนในปี 1960
เครื่องดนตรีบางส่วนถูกนำไปแสดงในนิทรรศการที่เรารู้จักกันในชื่อ Great and Good Friends หรือ ‘ของขวัญแห่งมิตรภาพ : ราชอาณาจักรไทยและสหรัฐอเมริกา พ.ศ.2361 – 2561‘ ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 21 มีนาคม – 30 มิถุนายน 2561
แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเกือบ 60 ปี แต่เครื่องดนตรีทั้งหมดยังอยู่ในสภาพเหมือนใหม่ เพราะได้รับการเก็บรักษาอย่างดี แครอลบอกว่า เครื่องดนตรีทุกชิ้นหอสมุดได้รับมาพร้อมกล่องที่สวยงาม ส่วนเครื่องสายก็ได้รับสายสำรองมาด้วย แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความเข้าใจในเครื่องดนตรีเป็นอย่างดีของผู้มอบให้
แครอลบอกให้พวกเราดูแผ่นป้ายโลหะที่มีตราพระปรมาภิไธยย่อ ภปร และข้อความว่า
To The Library of Congress
This set of Thai musical instruments
is presented as a token of sincere
respect for a centre of
knowledge and culture
Washington D.C. 1960
แผ่นป้ายนี้มีคราบสนิมอยู่บ้าง เธอบอกว่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็จะไม่ขัดออกให้เหมือนใหม่ เพราะร่องรอยของกาลเวลาเหล่านี้ก็เป็นเรื่องราวแบบหนึ่ง
ภัณฑารักษ์ชาวอเมริกันผู้ออกเสียงชื่อเครื่องดนตรีทุกชิ้นได้ตรงเป๊ะบอกว่า เย็นนี้เครื่องดนตรีทั้ง 10 ชิ้นจะถูกนำไปแสดงในงานเลี้ยงรับรองฉลอง 2 ศตวรรษแห่งมิตรภาพ และ 185 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐฯ ที่อาคาร Thomas Jefferson ของหอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ หรืออาคารหลักอันโด่งดังและเต็มไปเรื่องราวทางประวัติศาสตร์นั่นเอง
02
กลุ่มคนในชุดสูทที่อยู่รอบตัวผมขณะนี้คือนักการทูตจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นักการทูตจากกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่จากหอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ 3 ทีมหลักที่เป็นเจ้าภาพในการจัดงานเลี้ยงรับรองในค่ำคืนนี้
ในระหว่างที่เราเดินกลับออกมาทางเดิม คุณบุญญฤทธิ์ วิเชียรพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มงานโครงการตามยุทธศาสตร์ กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ หัวเรี่ยวหัวแรงหลักจากฝั่งประเทศไทย เล่าที่มาของงานคืนนี้ให้ฟังว่า
“เป็นงานฉลองความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐ 200 ปีที่เรารู้จักกันมา และ 185 ปีที่เราลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ระหว่างกัน ไทยจึงเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย และมีความสัมพันธ์กันในทุกระดับตั้งแต่ระดับผู้นำจนถึงระดับประชาชนกับประชาชน”
คุณบุญญฤทธิ์เล่าต่อว่า “จุดสูงสุดของการฉลองความสัมพันธ์คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ เปิดนิทรรศการ Great and Good Friends ของขวัญแห่งมิตรภาพ ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้นำของขวัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ต่างๆ พระราชทานแก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมามาจัดแสดง”
พระบาทสมเด็จพระพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานเครื่องดนตรีไทยแก่หอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ พ.ศ. 2503 กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้รับความอนุเคราะห์จากหอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ
ภาพ : www.greatandgoodfriends.com
ส่วนการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ในระดับประชาชนกับประชาชน ทางกระทรวงการต่างประเทศก็ได้จัดกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การเชิญทายาทของฝาแฝดอิน-จันกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดของอิน-จันที่จังหวัดสมุทรสงคราม เนื่องจากอิน-จันเป็นคนไทยคนแรกๆ ที่ได้เดินทางไปอยู่ที่อเมริกา เป็นคนที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รักของคนอเมริกัน
รวมถึงการสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียที่ร่วมกันขุดค้นแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จนกลายเป็นแห่งโบราณคดีระดับโลกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการที่ลูกของเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทยไปเดินสะดุดเศษกระเบื้องโบราณโดยบังเอิญ
เรายังคงเดินต่อไปตามทางเดิน
“รัชกาลที่ 9 เคยเสด็จฯ มาที่นี่ เครื่องดนตรีที่พระองค์พระราชทานก็เก็บรักษาไว้ที่นี่ แล้วที่นี่ก็อยู่ใกล้รัฐสภา งานนี้เราอยากให้สมาชิกรัฐสภามาร่วม เพราะพวกเขามีส่วนในการกำหนดนโยบายต่อไทย เราอยากให้พวกเขาเห็นว่าเรามีความสัมพันธ์กันมายืนยาว เราเลยต้องเลือกวันที่พวกเขาว่าง และต้องเตรียมตัวล่วงหน้าเกือบปี ทางหอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ เองก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมจัดงานในครั้งนี้” คุณบุญญฤทธิ์เล่าเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกจัดงานสำคัญที่นี่
03
พวกเรายังคงเดินอยู่ในทางเดินใต้ดินซึ่งยาวมาก
นิชเชล วิงฟิลด์ (Nishelle Wingfield) ผู้ประสานงานกิจกรรมพิเศษของหอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ เดินเข้ามาคุยกับผม เธอบอกว่า ตอนนี้ของขวัญบางส่วนที่สหรัฐฯ ได้รับจากไทยกำลังจัดแสดงอยู่ในนิทรรศการชื่อ Objects of Wonder ที่ National Museum of Natural History
ผมตอบเขาว่า ผมจะไปดูแน่นอน มีเรื่องที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ในเครือสมิธโซเนียนเยอะเลย
“คุณภิเษกแจ้งฉันแล้ว” นิชเชลหมายถึง คุณภิเษก ภาณุภัทร ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พ่องานของฝั่งสถานทูตซึ่งวิ่งวุ่นประสานงานสิบทิศตลอดทั้งวัน ติดต่อให้ผมเรียบร้อยแล้ว
“คุณสนใจเรื่องระบบงานอาสาสมัครของสมิธโซเนียนใช่ไหม มันเป็นระบบที่ใหญ่มาก แล้วก็น่าสนใจมาก ฉันนัดคนที่ทำเรื่องนี้ให้แล้ว คุณจะได้คุยกับเขาพรุ่งนี้”
นิชเชลถามต่อว่า ผมเคยมาที่หอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ มาก่อนไหม
“ไม่เคย นี่เป็นครั้งแรก แล้วผมก็อยากจะ”
“สัมภาษณ์บรรณารักษ์” นิชเชลไม่รอให้ผมพูดจบประโยค “คุณภิเษกบอกฉันแล้วเหมือนกัน บ่ายนี้ฉันนัดให้คุณคุยกับบรรณารักษ์ของเรา เขาเป็นคนดูแลหนังสือที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีหนังสือเก่าและแผนที่เก่าจากประเทศไทยเยอะเลย ก็พอนับว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่านหนังสือได้เหมือนกันนะ แล้วเขาก็จะพาคุณทัวร์ห้องสมุดเป็นกรณีพิเศษ คุณคงมีอะไรเขียนเยอะเลย”
ผมเอ่ยคำขอบคุณ แถมด้วยรอยยิ้มสยาม
ทางเดินอันยาวไกลพาเรามาโผล่ที่อาคารโทมัส เจฟเฟอร์สัน ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว คนในชุดสูททั้งสามกลุ่มแยกย้ายกันไปเดินสำรวจพื้นที่อีกรอบเพื่อเตรียมจัดงานในค่ำคืนนี้
ครึ่งวันที่เหลือนี้พวกเขามีอะไรต้องทำอีกเยอะ
ผมก็เช่นกัน
04
ขณะนี้เป็นเวลา 6 โมง
ผมเดินชมหอสมุดเสร็จมาพักใหญ่ โถงด้านหน้าไม่มีนักท่องเที่ยวแล้ว มีแต่ทีมงานกำลังเตรียมติดตั้งเวที ระบบแสงสี และชุดนิทรรศการ
ที่โต๊ะจัดแสดงเครื่องดนตรีพระราชทานมีแครอลเป็นคนยืนดูแลของขวัญชิ้นสำคัญทั้งสิบชิ้น และพร้อมเล่าเรื่องราวให้แขกทุกคนฟัง
“น้อยคนจะรู้ว่าหอสมุดรัฐสภาสหรัฐฯ มีคอลเลกชันเครื่องดนตรี แต่รัชกาลที่ 9 ทรงทราบความ ถึงพระราชทานเครื่องดนตรีชุดสำคัญให้เขา” คุณวิชชุ เวชชาชีวะ รองอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ อธิบายความพิเศษที่ซ่อนอยู่ในเครื่องดนตรีไทยชุดนี้
คุณวิชชุบอกว่า วันนี้จะมีแขกมาร่วมงานหลายร้อยคน โดยมีแขกคนสำคัญอย่าง คุณลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ ส.ว. รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน นอกจากนี้ก็ยังมี แมรี รอยซ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เทด โยโฮ ส.ส. รัฐฟลอริดา และประธานคณะอนุกรรมาธิการฝ่ายกิจการเอเชียและแปซิฟิกของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ รวมไปถึงแขกที่เป็นผู้แทนระดับสูงของรัฐสภา หน่วยงานราชการและเอกชนสหรัฐฯ แล้วก็นักธุรกิจของไทยที่มาลงทุนในสหรัฐฯ อีกหลายท่าน
คุณพงศ์สิน เทพเรืองชัย เลขานุการเอก กลุ่มงานโครงการตามยุทธศาสตร์ กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ผู้ทำข้อมูลในนิทรรศการบอกผมว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในสหรัฐฯ เป็นมูลค่าสูงถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 23 รัฐ เกิดการจ้างงานกว่า 68,000 ตำแหน่งในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหาร เกษตรกรรม ยานยนต์ ปิโตรเคมี และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ช่วงบ่ายตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตก็พาผู้แทนภาคเอกชนของไทยไปพบกับ ส.ส. และ ส.ว. เพื่อพูดคุยเรื่องความร่วมมือระหว่างกัน
แขกเริ่มทยอยเข้าสู่งาน คุณแทมมีนั่งรถเข็นเคลื่อนที่ผ่านพวกเราไปด้วยความรวดเร็ว บนตักของเธอมีลูกสาวตัวน้อยนั่งมาด้วย ส่วนคนเดินอยู่ด้านหลังเป็นครอบครัวชาวไทยของเธอ
คุณลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ (กลาง) และทายาทอิน-จัน (สองคนด้านซ้าย)
ประธานกล่าวเปิดงานในวันนี้คือ คุณวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มาก่อน
“ไทยไม่ได้เป็นเพียงประเทศที่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ เป็นประเทศแรกในเอเชีย แต่การที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชสาส์นถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ แจ้งพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานช้างให้สหรัฐอเมริกา ซึ่งในอดีตช้างเป็นดั่งยุทธภัณฑ์สำคัญในการรบ ไทยจึงอาจจะถือเป็นชาติแรกที่เสนอความช่วยเหลือทางทหารให้สหรัฐฯ” คำกล่าวเปิดงานท่อนนี้ของคุณวีระศักดิ์เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากแขกได้ทั้งงาน
05
มีแขกแวะเวียนมาดูเครื่องดนตรีพระราชทานไม่ขาด คุณวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. บอกผมว่า ช่วงต่อไปจะเป็นคอนเสิร์ตเพลงพระราชนิพนธ์ ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ของค่ำคืนนี้
“คอนเสิร์ตนี้ถือเป็นสัญลักษ์ของไทยกับสหรัฐฯ เพราะดนตรีแจ๊สเป็นของสหรัฐฯ ส่วนเพลงพระราชนิพนธ์ก็มีความเป็นไทยแทรกอยู่ แล้วก็เล่นโดยนักดนตรีอเมริกัน โดยมีนักดนตรีไทยร่วมเล่นด้วย เป็นการผสมดนตรีแจ๊สกับความเป็นไทยให้กลมกลืนกัน” ท่านทูตซึ่งมีฝีไม้ลายมือด้านดนตรีฉกาจฉกรรจ์เล่า และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าในค่ำคืนนี้แขกจะได้ฟังเพลงแบบเต็มอิ่ม 10 เพลง
วงที่มาเล่นคือ John di Martino Quartet เป็นวงดนตรี 4 ชิ้นที่ จอห์น ดี มาร์ติโน (John di Martino) นักเปียโนและนักเรียบเรียงดนตรีขั้นเทพเป็นหัวหน้าวง สมาชิกที่เหลือของวงก็ไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนมีรางวัลติดมือกันมากมาย โดยเฉพาะ วินซ์ เชอริโค (Vince Cherico) มือกลองที่เคยได้รับรางวัลแกรมมี่ถึง 5 ครั้ง
“วงนี้เคยบันทึกเสียงเพลงพระราชนิพนธ์มาก่อน เพลงที่เขาเรียบเรียงได้รับพระบรมราชานุญาตอย่างถูกต้องนะ เขาบันทึกเสียงตั้งแต่ก่อนรัชกาลที่ 9 สวรรคต เขาคุ้นเคยกับเพลงพระราชนิพนธ์ดี”
อัลบั้มเพลงพระราชนิพนธ์ที่ท่านทูตพูดถึงก็ถูกนำมาแจกเป็นของที่ระลึกให้กับผู้ร่วมงานในวันนี้ด้วย
ส่วนนักดนตรีชาวไทย 2 คนที่มาแจมด้วยก็มีฝีมือไม่ธรรมดา คุณสุภาวดี เลิศสิทธิชัย ร้องและเล่นแซกโซโฟน เธอเคยเป็นนักร้องอาชีพมาก่อนที่เมืองไทย ก่อนจะย้ายมาเล่นดนตรีที่นิวยอร์ก ส่วน คุณจุลพรรณน์ ติละพรพัฒน์ เล่นกีตาร์ ก็จบปริญญาตรีและโทด้านดนตรีแจ๊สที่สหรัฐฯ แล้วก็เล่นดนตรีเป็นอาชีพอยู่ที่นิวยอร์ก
“วงเพิ่งได้ซ้อมด้วยกันเมื่อวาน ถ้าอยู่เมืองไทยเขาน่าจะดังมาก แต่เขาก็เลือกมาอยู่ที่นี่ มาเล่นในบาร์แจ๊ส เขาบอกว่า เล่นแบบนี้ก็มีความสุขดี ผมเคยไปแจมกับเขา เขาเก่งมาก” พูดจบท่านทูตก็ชวนผมลงไปฟังดนตรีด้านล่าง แต่ผมขอตัวอยู่ถ่ายรูปจากด้านบนก่อน
ทีมงานเล่าว่า ตัวอาคารนี้ไม่เหมาะกับการเล่นดนตรีนัก เพราะมันไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อการนี้ แต่ทุกคนคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะประวัติศาสตร์และความงดงามของที่นี่พิเศษเกินกว่าจะมีใครสนใจเสียงสะท้อนเล็กๆ น้อยๆ
ในระหว่างที่เสียงเพลงพระราชนิพนธ์ลอยห่มคลุมไปทั่วทั้งอาคาร ผมนึกภาพตามว่าครั้งหนึ่งรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จฯ มาที่นี่เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐ
58 ปีผ่านไป เครื่องดนตรีไทยที่พระองค์พระราชทานไว้ยังคงอยู่ที่นี่ในสภาพสมบูรณ์
เสียงเพลงพระราชนิพนธ์ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็ยังคงดังอยู่
และมีเสียงสะท้อนเล็กๆ คล้ายจะบอกกับเราว่า ความสัมพันธ์นี้จะก้องกังวานอีกยาวนาน