มื้อสาย (Brunch) มื้อกึ่งกลางระหว่างเช้าและเที่ยง กลายเป็นมื้อที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในวันที่ไร้ภาระจากการทำงาน ทำให้อาหารในมื้อนี้มีตัวเลือกหลากหลาย เป็นได้ตั้งแต่กาแฟแก้วโปรด ขนมปังปาดเนยสักแผ่น จนถึงอาหารที่อยู่ท้องพอจะเป็นมื้อหนักมื้อหนึ่งได้
คอลัมน์ Take Me Out ชวนเพื่อน ๆ ไปลิ้มรสอาหารมื้อสายนานาชาติ 11+1 ร้าน (มีวีแกนด้วย) เพลิดเพลินกับรสชาติที่กระตุ้นความแปลกใหม่ให้ต่อมรับรส เริ่มด้วยอาหารจีนสไตล์กุ๊กช็อป มื้อสายง่าย ๆ แบบออสซี่ เบเกิลฉบับนิวยอร์ก จนถึงขนมปังสุดพิเศษจากอดีตเชฟมิชลินชาวโปแลนด์
ถ้ากระเพาะเริ่มเรียกร้อง อย่ารีรอ! ตบเท้าออกจากบ้าน ปักหมุดร้านอร่อยแล้วตามมาเลย
จานที่ 1
ANG MORR
มื้อสายฉบับอาหารจีน-ฝรั่ง สไตล์กุ๊กช็อป

กุ๊กช็อปคือร้านอาหารฝรั่งที่เสิร์ฟโดยเชฟจีนและนิยมในประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันร้านสไตล์นี้ค่อย ๆ หายไปตามกาลเวลา อั้งม้อ ร้านอาหารจีนลูกครึ่ง-ฝรั่ง แห่งนี้ เลยอยากสร้างไทม์แมชชีน ย้อนเวลาเพื่อประสานความต้องการของคนรุ่นก่อนและความสวยงามที่คนรุ่นใหม่มองหา ด้วยการฟื้นคืนชีพร้านอาหารและรสชาติอาหารสไตล์กุ๊กช็อปขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยลูกเล่นฝรั่ง-จีนผสมกัน


อาหารเช้าควบมื้อกลางวันของอั้งม้อ พร้อมเสิร์ฟตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ส่วนวันเสาร์และวันอาทิตย์ พร้อมเสิร์ฟตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 11 โมง พิมพ์-พิมพ์พยัพ ศรีกาญจนา ทายาทผู้รับช่วงต่อการดูแลร้านอาหารลูกครึ่งจีน-ฝรั่งแห่งนี้ แนะนำเมนูชุดสำรับโจ๊กเศรษฐีเพื่อสุขภาพ ที่เสิร์ฟเป็นอาหารชุด เปลี่ยนจากข้าวต้มเป็นเนื้อโจ๊กเนียนนุ่ม เพิ่มลูกเล่นให้กับอาหารมื้อพิเศษ
ที่นี่ยังมีอีกหลายเมนูแนะนำ เช่น ปาท่องโก๋ท็อปปิ้งหมูแดง ปาท่องโก๋ท็อปปิ้งไข่กวนและกุนเชียง แถมด้วยเบอร์เกอร์หมั่นโถวกุ้งล็อบสเตอร์ ช่างเหมาะกับการเริ่มต้นวันดี ๆ ด้วยอาหารสบายท้อง

พิกัด : เลขที่ 6 ซอยแสงชัย ถนนสุขุมวิท 38 พระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00 น. อาหารเช้า วันศุกร์-เสาร์ เวลา 08.00 – 12.00 น.
โทรศัพท์ : 02 118 3641
Facebook : ANG MORR – อั้งม้อ
จานที่ 2
NICO NICO
มื้อสายฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม

‘นิโกะ นิโกะ แปลว่า รอยยิ้ม’
แป้ง-พิมอุมา เจนธรรมนุกูล เฉลยความหมายของชื่อร้าน Brunch ที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่น
ขนมปังของ NICO NICO ทำสดใหม่ทุกวัน โดยมีครัวเบเกอรี่ตั้งโดดเด่นอยู่ด้านหน้า ความพิเศษของขนมปังร้านนี้คือ มีเชฟชาวญี่ปุ่นมาปลุกปั้นขนมปังสไตล์ต้นตำรับจากญี่ปุ่น เรียกว่า ‘ยูดาเนะ (Yudane)’ ยู แปลว่า น้ำร้อน ดาเนะ แปลว่า เนื้อแป้ง เมื่อรวมกันแปลว่า การนำน้ำร้อนมาผสมกับแป้งสาลีนำเข้าจากญี่ปุ่น แล้วนวดจนแปรสภาพเป็นเจลใส ๆ ทำให้เนื้อขนมปังสานกันเป็นใยเหนียวนุ่มชุ่มฉ่ำ


หากอยากลองสัมผัสความพิเศษของขนมปังยูดาเนะ เราขอแนะนำเมนูซิกเนเจอร์ นั่นคือ NICO NICO Breakfast ประกอบด้วยขนมปังยูดาเนะ หมูชาชูตุ๋นสูตรพิเศษ พร้อมด้วยเครื่องเคียง ช่วยตัดเลี่ยนและเพิ่มมิติให้รสชาติซับซ้อนยิ่งขึ้น ทั้งเห็ดผัดสาเก ไข่คนผัดผงกะหรี่ และสลัดผักราดด้วยน้ำสลัดกลิ่นยูซุ รับรองว่าคุณจะดื่มด่ำมื้อสายฉบับแดนอาทิตย์อุทัยไปพร้อมรอยยิ้มที่หุบไม่ลงเลยทีเดียว
พิกัด : 555 ตึก DM Home สุขุมวิท 55 (อยู่ระหว่างซอยทองหล่อ 19 และ 21) ตรงข้าม สน.ทองหล่อ แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.
โทรศัพท์ : 09 7054 6827
Facebook : NICO NICO
จานที่ 3
Sarnies カフェ Sukhumvit
มื้อสายฉบับออสซี่ผสานกลิ่นอายญี่ปุ่น

Good Food, Healthy Food and Good Environment คือ 3 อย่างที่ เบน-เบนจามิน ลี (Benjamin Lee) ผู้ก่อตั้ง Sarnies บอกกับเราเมื่อถามถึงประสบการณ์ที่คุณจะได้รับเมื่อมาที่ร้าน
ราว 10 ปีที่แล้ว เบนจากบ้านเกิดประเทศออสเตรเลียไปทำงานที่สิงค์โปร์ เขาอยากหาแซนด์วิชดี ๆ ทานแต่ไม่มี นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของ Sarnies (คำแสลงในภาษาอังกฤษ แปลว่า แซนด์วิช)
ให้หลัง 5 ปี Sarnies สาขาแรกในประเทศไทยก็เกิดขึ้นที่ย่านเจริญกรุง ตามมาด้วยสาขาล่าสุดย่านสุขุมวิท แตกต่างจากสาขาอื่นตรงที่เสิร์ฟอาหารมื้อสายฉบับลูกครึ่งระหว่างออสซี่กับญี่ปุ่น

เมนูแต่ละสาขาของ Sarnies ไม่เหมือนกัน ความพิเศษของสาขาสุขุมวิท คือเมนูพิซซ่าที่ร่วมมือกับ Leopard Crust อินฟลูเอนเซอร์ผู้โด่งดังด้านการทำพิซซ่าในอินสตาแกรม เมื่อมาผสานกับพิซซ่าที่ใช้แป้งซาวโดวจ์ (Sourdough) หมักเป็นระยะเวลานานของทางร้าน ได้เป็นผลลัพธ์ที่ลงตัวสุด ๆ

อีกหนึ่งเมนูที่เราอยากแนะนำให้ลอง คือการนำ Egg Benedict มาเติมความเป็นญี่ปุ่นเข้าไปเพื่อให้เหมาะกับย่านสุขุมวิท ด้วยการนำซอสฮอลแลนเดซวาซาบิ ท็อปปิ้งด้วยแซลมอนเบิร์นไฟ ดียกนิ้ว!
เบนจามินทิ้งท้ายกับเราถึงความพิถีพิถันในแต่ละเมนูว่า
วัตถุดิบทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ในจานอาหาร เกิดจากการปรุง หมัก ปิ้ง ย่างเองทั้งหมดจากครัวกลางที่เจริญกรุง และส่งต่อมายังสาขาต่าง ๆ เพื่อควบคุมคุณภาพให้สม่ำเสมอในทุก ๆ จาน

พิกัด : เลขที่ 1, 39 ซอยสุขุมวิท 37 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 22.30 น.
โทรศัพท์ : 09 3814 1594
Facebook : Sarnies カフェ Sukhumvit
จานที่ 4
LAUN
มื้อสายสไตล์ร้านอาหารจานเดียว

LAUN (ลอน) สถานที่ที่เป็นมากกว่าร้านอาหาร แต่เป็นคอมมูนิตี้ที่ผสมผสานระหว่างอาหารกับผู้คน เป็นพื้นที่แห่งความสบายใจ พร้อมเสิร์ฟความอิ่มเอมกับอาหารเช้ากึ่งสายฉบับวัยเด็ก จากความทรงจำของ ทอมมี่-สิทธิศักดิ์ สาครสินธุ์ เจ้าของเดียวกับบ้านนวล ซึ่งคงกลิ่นอายเดิมตั้งแต่ชื่อร้านที่เล่นคำสลับหลังไปหน้า จากคำว่า ‘นวล (Nual)’ ยันรสมือก็คงความอร่อยเอาไว้ไม่มีเปลี่ยน

เมื่อย่ำเท้าเข้ามาในร้าน จานแรกที่เจ้าบ้านกระซิบว่าห้ามพลาด คือ สปาเกตตี้ซอสมันกุ้ง หอมและครีมมี่สุด ๆ ดีเกินห้ามใจให้หยุดแค่จานเดียว ไปต่อที่เซ็ตข้าวหมูก้อนไข่ดาว สีของไข่แดงส่องประกายแวววาวชวนรับประทาน หรือใครชอบรสสัมผัสเด้งดึ๋งก็ต้องจัด ข้าวสามชั้นตุ๋นไข่ดาว อร่อยไม่แพ้กัน

ภายในร้านให้บรรยากาศแบบวินเทจ จากการตกแต่งด้วยข้าวของมีรสนิยม มองเข้ามาให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอีกใบ แต่ไม่มีพิธีรีตองใด ๆ อยู่ในร้านนี้เลย เหลือเพียงแค่ความสุขใจจากผู้คนที่เป็นกันเองและจานอาหารในวัยเด็กที่อยู่ตรงหน้า นับว่าเป็นร้านอาหารมื้อสายแบบง่าย ๆ เข้าถึงได้ทุกคน

พิกัด : 43 ซอยสามเสน 4 แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : 08.30 – 16.00 น. (ปิดทุกวันอังคาร)
Instagram : launsamsen4
จานที่ 5
Larder
มื้อสายฉบับโปแลนด์

ทันทีที่ผลักประตูร้านเข้าไป สิ่งที่สะดุดตาคงเป็นขนมปังสดใหม่ที่เรียงรายบนชั้นวาง ตู้ขายโคลด์คัต ชาร์คูเทอรี และครัวแบบเปิด ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังทานอาหารในห้องเก็บอาหารเรือนกระจก
Larder ร้านแห่งนี้เป็นผลผลิตจากการร่วมมือกันของ Radek Zarębiński และ Adrian Klonowski สองเพื่อนเชฟสัญชาติโปแลนด์ที่ผันตัวจากการทำงานในร้านอาหารมิชลินในกรุงเทพฯ มาเปิดร้านอาหารของตนเอง เพราะอยากให้ลูกค้าทานอาหารที่มีคุณภาพจากฝีมือการคัดสรรอย่างพิถีพิถันของตนและสมกับราคาที่จ่าย สองเชฟนำเสนอความเป็นโปแลนด์ผ่านการเสิร์ฟอาหารจานเล็ก เน้นความหลากหลาย เพื่อสร้างประสบการณ์การทานอาหารแบบแชร์ริ่งและใช้เวลาร่วมกันได้


ถ้าต้องการเริ่มต้นมื้อสายด้วยความเรียบง่าย ลองสั่งขนมปังฟอคคาเซียและขนมปังข้าวไรย์ผสมเมล็ดธัญพืช ทาด้วยเนยแอนโชวี่หรือไส้กรอกโปแลนด์ (Kielbasa) ทานคู่กับหัวหอมใหญ่ซอยปรุงรส
เมนูอยู่ท้อง แนะนำให้จดออเดอร์แซนด์วิชสไตล์โปแลนด์ (Ka-Nap-Ki) อย่าง Tuna 3000 ที่เสิร์ฟขนมปังซาวโดวจ์ทาด้วยทาร์ทาร์ซอส ท็อปด้วยทูน่าสดแล่ชิ้นพอดีคำ ไข่ต้มสไลด์บาง พร้อมมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ หรือจะเป็นแซนด์วิชแฮมชีสที่ค่อนมาทางฝรั่งเศส อย่าง Croque Khun Poo Ying หรือ คร็อกมาดาม ใช้ขนมปังซาวโดวจ์ 2 ชิ้นคั่นกลางด้วยพาสทรามีโฮมเมด ราดทับด้วยซอสเบชาเมล และมีกะหล่ำปลีดองช่วยเพิ่มสัมผัสในการทานพร้อมตัดรสชาติ ท็อปปิ้งด้วยไข่ดาว เคียงด้วยมันฝรั่งแผ่นเช่นกัน
ทุกเมนูสั่งได้จนถึง 5 โมงเย็น อีกไม่นานเกินรอที่นี่จะเปิดให้บริการอาหารมื้อค่ำด้วย

พิกัด : 31/2 ซอยพร้อมใจ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : 08.00 – 17.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
โทรศัพท์ : 09 3009 4494
Facebook : Larder BKK
จานที่ 6
Poonypoonycoffee
มื้อสายฉบับออสเตรเลีย

Poonypoonycoffee คาเฟ่และร้านอาหารฉบับออสเตรเลีย ในบรรยากาศโฮมมี่เหมือนบ้านเพื่อน ของ พูน-รัชนนท์ เทพบุตร ที่นำวัฒนธรรมและรสชาติจากแดนจิงโจ้มาตั้งไว้ท้ายซอยย่านสุทธิสาร
เมนูมื้อสายที่เราอยากแบ่งปัน เป็นจานโปรดของพูนนี่ระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลีย นั่นคือ Poony Brekkie สลัด ไข่ เบคอน ไส้กรอก ซึ่งไส้กรอกมีให้เลือกทาน 2 ไซซ์ คือขนาด 49 กับ 56
พูนนี่กระซิบว่ากำลังจะมีไซซ์ 59 ตามมา สำหรับคนชอบมื้อเร่งด่วนแต่อยู่ท้อง


ถ้าใครต้องการอาหารชุดจานเดียวในราคาประหยัด ต้องจัด Chicken Waffle ได้ทั้งโปรตีน แป้ง และน้ำตาล มีทั้งรสเค็มและหวานในคำเดียว ขอบอกว่าไก่อร่อยมาก หนังกรอบ เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ
ปิดท้ายด้วย Salmon Toast หนึ่งในเมนูขายดีของทางร้าน และอย่าลืมดื่มกาแฟสักแก้วก่อนกลับด้วยนะ เพราะเจ้าของร้านนี้เป็นบาริสต้ามือรางวัลจากแดนจิงโจ้ แถมขนมของที่นี่ก็ดีงาม สั่งให้หมด!

พิกัด : 85 ซอยสบายใจ แยก 4 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น. และ วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 17.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)
โทรศัพท์ : 09 8799 8331
Facebook : Poonypoonycoffee
จานที่ 7
Volks
มื้อสายฉบับนิวยอร์ก

Volks ในภาษาเยอรมัน แปลว่า คนหรือประชาชน
เบเกิลร้านนี้คือเบเกิลที่อยากเข้าถึงคนทุกคน โฟล์ค-ฉัฐวัฒน์ เจนศิริวานิช ศิษย์เก่าจากโรงเรียนสอนทำอาหาร The Culinary Institute of America บอกกับเราถึงปรัชญาภายใต้แบรนด์
เมื่อมาเยือน Volks เพื่อดื่มด่ำกับอาหารมื้อสายเบา ๆ ลองหยิบเบเกิลสักชิ้น ปาดครีมชีสที่ทางร้านมีให้เลือกลิ้ม 10 รสชาติ พร้อมกาแฟอีกสักแก้ว แต่หากอยากทานมื้อหนักขึ้นมา หยิบจับส่วนผสมเข้ามาอีกหน่อยก็อิ่มท้องระดับกำลังดี เบเกิลนับว่าเป็นหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะกับบรันซ์อย่างมาก


เราชิมแล้วชอบจนต้องแบ่งปันให้คุณลอง คือ Smoked Salmon and Capers เมนูขายดี ลูกค้าหลงรัก จะเพิ่มส่วนผสมอื่นเข้าไปก็ไม่ติดขัด เช่น อะโวคาโด พริกจาลาพิโน่ หรือเชดดาร์ชีส
ที่นี่ยังมีเบเกิลให้เลือกถึง 12 แบบ ไม่ว่าจะเป็นคลาสสิกฉบับนิวยอร์กเกอร์อย่าง Egg and Cheddar Cheese สำหรับสายรักสุขภาพอย่าง Avocado and Egg หรือ Caprese Bagel
เมนูทั้งหมดนี้ก็เพื่อมื้อสายที่สมบูรณ์แบบที่สุดของทุกคนนั่นเอง

พิกัด : 3, 5 ซอยศาลาแดง 2 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 9.00 – 14.00 น. และ วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
โทรศัพท์ : 08 2014 9437
Facebook : Volks
จานที่ 8
Alex & Beth
มื้อสายฉบับอเมริกัน

ร้านอาหารของอดีตบรรณาธิการนิตยสาร ที่อยากลองเปลี่ยนสายอาชีพมาทำอีกหนึ่งความสนใจ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ Alex & Beth ของ ตูน-กัญจน์ สุวรรณธาดา พร้อมเสิร์ฟเรื่องราว วัฒนธรรม และการเดินทางผ่านอาหารที่ชอบ ในคาเฟ่ตกแต่งสไตล์วินเทจบนถนนเก่าย่านหลานหลวง


จานแรกเราจะชวนทุกคนไปลิ้มลองกลิ่นอายจากการเดินทาง เริ่มที่ Buttermilk Pancake เสิร์ฟพร้อมไข่กวน ไส้กรอก เบคอน ผลไม้สด ทีเด็ดคือแป้งแพนเค้กที่ยากจะเลียนแบบหรือหาจากไหนเทียบ เพราะกรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นนม เนย ที่อบอวลมาด้วยกัน รับรองอร่อยกวาดจาน

จานที่สองเป็นเมนู African-Style Grilled Chicken สำหรับคนต้องการทานข้าว แถมด้วยรสชาติเผ็ดจี๊ดจ๊าดจากไก่ย่างสไตล์แอฟริกัน เสิร์ฟกับข้าวหุงด้วยน้ำสต็อกไก่ กล้วยย่างเนย ครีมซอส และซอสพริกกะเหรี่ยงทำเอง ตักเข้าปากคำแล้วคำเล่า ใครบอกไม่แซ่บแน่นะวิ โปรดอย่าหลงเชื่อ เพราะทำเอาน้ำในแก้วหมดโดยไม่รู้ตัว ตบท้ายล้างปากด้วยการยกมือสั่งชามาร์โคโปโลร้อน Fresh Fruits & Herb Tea Pot และ ขนมปัง Cold Cuts Tartine with Egg & Parmesan เป็นการปิดท้ายมื้อสายอย่างสวยงาม
“เราอาจจะเรียกร้านนี้ว่า Comfort Brunch ก็ได้นะ”
ตูนทิ้งท้าย ก่อนลากันด้วยความรู้สึกอิ่มเอมเปรมใจกับอาหารที่มีให้เลือกสรรมากมาย

พิกัด : 9 ถนนหลานหลวง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : 10.00 – 18.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)
โทรศัพท์ : 09 4236 4195
Facebook : Alex&BethBangkok
จานที่ 9
Breakfast Story
มื้อสายฉบับแคนาดา

Breakfast Story ของ ดาว-แสงดาว แมคโดนัลด์ ศิษย์เก่า Le Cordon Bleu เกิดขึ้นจากความชื่นชอบลงมือทำอาหารให้คนรักชาวแคนาดาได้ลองทาน ก่อนส่งต่อสูตรอาหารโฮมเมดสไตล์แคนาเดียนที่เธอคิดค้นขึ้นสู่เมนูประจำร้านอาหารกลางกรุงให้คนทั่วไปลิ้มลอง
หากให้นิยามความเป็น Breakfast Story คำแรกที่เด่นชัด คือ ‘บ้าน’ ด้วยบรรยากาศแสนอบอุ่นจากพนักงานที่มีใจบริการ คำต่อมาคงหนีไม่พ้น คำว่า ‘แคนาเดียน’ เพราะเน้นเสิร์ฟอาหารสัญชาติที่ว่าตลอดวัน โดยเสิร์ฟในปริมาณค่อนข้างมาก เพื่อให้อิ่มท้องจากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ที่พิเศษคือใช้วัตถุดิบเกรดคุณภาพ รวมถึงเมเปิลไซรัปส่งตรงจากแคนาดาที่เสริมรสอร่อยได้เป็นอย่างดี

ประเดิมมื้อแรกของวันทั้งที ใครที่ยังไม่ตื่น เราขอปลุกด้วยเครื่องดื่มผักผลไม้คั้นสด ต่อด้วยเมนูเบา ๆ อย่างสลัดผัก และ Winter Granola พร้อมกรีกโยเกิร์ต ถ้าต้องการพลังงานสูงงงง ขอแนะนำ Breakfast Poutine มันฝรั่งแบบคันทรีปรุงรส ราดด้วยซอสเกรวี่รสเค็มและมัน ตัดเลี่ยนด้วยความเผ็ดติดเปรี้ยวของพริกเม็กซิกันดอง ท็อปด้วยไข่ดาวและเบคอน เป็นเมนูแคนาเดียนที่ทานแล้ววางช้อนไม่ลง!

ส่วนมื้อด่วน นำเสนอเมนู To-go เป็น Breakfast Wrap กินคู่ไส้กรอกรมควันรสเด็ดจากเชียงใหม่ ที่นี่มีอาหารมื้อสายสไตล์แคนาเดียนให้ลิ้มรสเพียบ ทดเมนูไว้ในใจ รอ 7 นาฬิกาตรงแล้วบึ่งไปร้านเลย

พิกัด : 329/9 ถนนสุขุมวิท ตั้งอยู่ชั้น 2 ระหว่างซอย 18 กับ 20 เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 23.00 น.
โทรศัพท์ : 0 2120 6653 (สาขาอโศก)
Facebook : Breakfast Story
จานที่ 10
31 Degrees by Kad Kokoa
มื้อสายฉบับฝรั่งเศสแบบคลาสสิก

31 องศาเซลเซียส นอกจากเป็นอุณหภูมิที่พอเหมาะในกระบวนการขึ้นรูปช็อกโกแลต ยังเป็นชื่อร้านอาหารดีไซน์สวยสะอาดตาในซอยสุขุมวิท อย่าง 31 Degrees by Kad Kokoa
จากร้าน Kad Kokoa คาเฟ่แบบ Bean to Bar ที่มุ่งมั่นผลักดันโกโก้ไทยสู่สากล ของ ต้น-ปณิธิ และ ต้า-ณัฐญา ชุณหสวัสดิกุล ผู้จัดการเชฟทีม Bocuse d’Or Thailand สู่แนวคิดในการก่อตั้งร้าน 31 Degrees เพื่อสร้างแหล่งลับฝีมือให้แก่ลูกทีมก่อนการประลองสนามจริงในการแข่งขันโอลิมปิกสายอาหาร และก่อให้เกิดการสนับสนุนเกษตรกรในชุมชนท้องถิ่นไปด้วยในตัว

31 Degrees เป็นร้านอาหารที่ชูความเป็น French-Nordic ผ่านโกโก้ไทย นำทุกส่วนของโกโก้มาใช้อย่างคุ้มค่า เสิร์ฟอาหารแบบ Bistronomy เหนือกว่า Street Food แต่ไม่เทียบเท่า Fine Dining มีความสลับซับซ้อนในส่วนประกอบ ละเมียดละไมในกรรมวิธี แต่ผู้บริโภคยังคงเข้าถึงง่าย
สำหรับจานอร่อยมื้อสาย ต้องสั่ง Devil May Cry มัฟฟินแฮมชีสพร้อมไข่ต้มเนื้อเนียนนุ่ม เพียงใช้มีดสะกิดเล็กน้อย ลาวาก็ไหลเยิ้มชวนลิ้มลอง แนะนำให้ทานคู่ซอสบาร์บีคิวสูตรพิเศษของทานร้าน ที่เสริมรสชาติด้วยช็อกโกแลตจากประจวบคีรีขันธ์ รสเข้มข้นกำลังดี

และถ้าอยากเติมน้ำตาลก่อนลุยงานยาว มี 2 เมนูใหม่ให้เลือกตามชอบ ได้แก่ Chanthaburi Chocolate Pot De Cream ลักษณะคล้ายมูสช็อกโกแลต แต่โดดเด่นกว่าด้วยเนื้อสัมผัสละมุน รสเข้นข้นแซมเปรี้ยวเล็กน้อย ท็อปด้วยวานิลลาครีมพร้อมถั่วกรุบกรอบ และ Husk Cacao Crème Brûlée ที่ดึงกลิ่นอายของความเป็นโกโก้ออกมาชัดเจน ด้วยการเสิร์ฟในเปลือกโกโก้ที่ผ่านการตากแห้งมานานถึง 2 เดือน บอกเลยว่าอร่อยล้ำจนต้องบอกต่อ

พิกัด : 235/5 ซอยสุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 22.00 น.
โทรศัพท์ : 08 1007 8828
Facebook : 31 Degrees by Kad Kokoa
จานที่ 11
Maison Bleue
มื้อสายฉบับปารีเซียง

บ้านสีฟ้าที่ประดับประดาด้วยดอกลาเวนเดอร์สีสวยแห่งนี้ เป็นร้านอาหารของอดีตเจ้าของร้าน Let Them Eat Cake อย่าง มู่-จักรทอง อุบลสูตรวานิช ผู้สันทัดในการทำขนมจากแดนน้ำหอม ที่ตัดสินใจเปิดร้าน Maison Bleue เพื่อท้าทายตัวเองว่า เชฟขนมหวานก็ทำอาหารคาวได้ เธอพิสูจน์แล้ว!

Maison Bleue มาพร้อมคอนเซ็ปต์ ‘จากหมอนสู่หมอน’ พาลูกค้ามาค้นพบความแปลกใหม่ของรสชาติตั้งแต่ตื่นยันเข้านอน ฤกษ์งามยามดีเรามาเยือนถึงร้านทั้งที ขอบอกต่อเมนูแสนอร่อยที่มู่ลงมือทำด้วยตัวเอง เริ่มกันที่ Paris-Brest of Smoked Salmon Salad ขนมแป้งชูส์ทรงกงล้อเพื่อเฉลิมฉลองการแข่งขันจักรยานระหว่างเมืองฝรั่งเศส ที่พลิกแพลงทำเป็นของคาวและแซมด้วยผลไม้สด


ต่อด้วย Smoked Salmon Mille-feuille ทานคู่กับไข่คนแบบฝรั่งเศส มีส่วนผสมของเนยและครีมให้ความนวลเนียนละมุนลิ้น และ Egg Napoléon III ดัดแปลงจากเมนู Egg Benedict ของนิวยอร์ก แต่ด้วยแนวคิดที่ว่า หากเกิดในปารีสคนจะทานอาหารแบบไหน มู่รังสรรค์ออกมาเป็นไข่ดาวน้ำราดซอสฮอลลันเดสบนแป้งพัพฟ์ และแป้งชูส์ก็มีช่องว่างไว้สำหรับเสริมรสเปรี้ยวจากซอสแอปเปิ้ล เสิร์ฟคู่หมูสามชั้นเคลือบน้ำผึ้งเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้กับมื้ออาหาร ตบท้ายด้วย Bitter Orange Tart นำราชินีของผลไม้ไทยกลิ่นส้มอย่าง ‘ส้มซ่า’ มาทำเป็นขนมได้ในแบบที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่เราขอการันตีด้วยรสชาติ

พิกัด : 30/1 ซอยเมธีนิเวศน์ แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 23.00 น.
โทรศัพท์ : 09 1796 3136
Facebook : Maisonbleue.bkk
จานที่ 12
Bonita Cafe and Social Club
มื้อสายฉบับวีแกน

ร้านอาหารที่มีต้นกำเนิดจาก ‘เชฟ’ มีค่อนข้างเยอะ แต่ร้านอาหารที่มาจาก ‘นักวิ่ง’ เราว่ามีค่อนข้างน้อย หรือแทบไม่มีเลยก็ว่าได้ Bonita Cafe and Social Club ร้านอาหารวีแกน (Vegan) จาก หนึ่ง-ปวันรัตน และ เคซัง-อัคสุยูกิ คัทสุยามะ คู่รักนักวิ่งผู้ผันตัวมาเปิดร้านอาหารวีแกน ด้วยความชอบและไลฟ์สไตล์ที่อยากส่งต่อเรื่องราวดี ๆ ให้กับผู้คนผ่านมื้ออาหาร
เริ่มจากเมนูปราบเซียน Spaghetti Cabonara (Gluten Free Soy Bean Pasta Option) ปราศจากวัตถุดิบหลักของคาโบนาร่า อย่างเนื้อ นม ไข่ แต่ยังคงความอร่อยไว้อย่างจัดจ้าน ถึงเครื่อง คลุกเคล้าคู่กับเส้นสปาเกตตี้ถั่วเหลือง แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร ได้ใจชาววีแกนและกลูเตนฟรี

ต่อมาเป็นเมนู Teriyaki Burger ที่ไม่ธรรมดา มีดีกรีรางวัล The Best Veggie 2021 รสชาติและสัมผัสเหมือนเบอร์เกอร์หมูเทอริยากิทั่วไป แต่ความจริงสิ่งนี้คือเต้าหู้กับผัก ปรุงรสด้วยเอกลักษณ์ชั้นเลิศจากเคซัง แยกแทบไม่ออกเลยว่าเป็นวีแกน จึงไม่แปลกใจที่เมนูนี้จะได้รางวัลมาครอง

เมื่อทานของคาวมาพอสมควร ปิดท้ายมื้อสายด้วยของหวานเสียหน่อย วอฟเฟิลปราศจากกลูเตน ไร้แป้งสาลี อร่อยและปลอดภัยในคราวเดียว พร้อมเครื่องดื่มช็อกโกแลตที่นำผงโกโก้ อินทผลัม กล้วย ซอยมิลค์ และซอยโปรตีน มาปั่นกับน้ำแข็ง เย็นสดชื่น หวานกำลังดี มีเนื้อให้เคี้ยวหนุบหนับ ถือว่าเป็นอาหารมื้อสายที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ แถมทานเยอะแค่ไหนก็ไม่แน่นท้องหรือรู้สึกผิดกับร่างกาย นี่คงเป็นความพิเศษของอาหารวีแกนที่ Bonita Cafe and Social Club อยากให้ทุกคนมาลอง

พิกัด : 100 ซอยปราโมทย์ (สีลม 26) แขวงบางรัก เขตสีลม กรุงเทพมหานคร (แผนที่)
วัน-เวลาทำการ : 09.30 – 21.30 น. (ปิดทุกวันอังคาร)
โทรศัพท์ : 08 1865 9933
เรื่อง : กชพรรณ ก่อสุวรรณวงศ์, คณิศร สันติไชยกุล, ณัฐกฤตา เจริญสุข
ภาพ : มณีนุช บุญเรือง, จิรณรงค์ วงษ์สุนทร, ผลาณุสนธิ์ ผดุงทศ, ชาคริสต์ เจือจ้อย