The Cloud แจกลายแทง ชวนทุกคนตามไปเที่ยวย่านเจริญกรุง ย่านเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ผสมผสานวัฒนธรรมไทย จีน ยุโรป อย่างกลมกลืน ถนนเส้นนี้มีทั้งงานศิลปะ งานคราฟต์ สตรีตอาร์ต แกลเลอรี เรียกได้ว่าเป็นที่ที่มัดรวมความคิดสร้างสรรค์หลากหลายแขนงเอาไว้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนมากมายจะปักหมุดที่ย่านสุดเก๋แห่งนี้

คอลัมน์ Take Me Out รอบนี้ เราขอพาไปทำความรู้จัก 11 กิจการสร้างสรรค์ ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนในย่านเจริญกรุง มีตั้งแต่ร้านเสื้อผ้า ร้านแผ่นเสียง คาเฟ่ ห้องสมุด รวมถึงคอมมูนิตี้สเปซหลากหลายแนว รับรองว่าสนุกได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จนลืมเวลากันเลยทีเดียว

แอบกระซิบว่า เร็ว ๆ นี้ย่านเจริญกรุงจะเป็นหนึ่งในสถานที่จัดงาน Bangkok Design Week 2024 ในวันที่ 27 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวก่อนหรือหลังงาน ก็ควรเก็บลิสต์ร้านรวงต่าง ๆ จากเราเอาไว้ให้ดี! 

ซอยเจริญกรุง 13

Ayatana Charoenkrung

คาเฟ่สายธรรมะที่ส่งต่อความสุขด้วยเครื่องดื่มแห่งการให้

เริ่มกันที่ซอยเจริญกรุง 13 อาคารสีเหลืองครีมตรงหัวมุมเป็นที่ตั้งของร้าน AYATANA.cafe คาเฟ่จาก จ.ชลบุรี ที่เพิ่งมาเปิดสาขาใหม่ในเจริญกรุงได้ไม่ถึง 5 เดือน 

Ayatana Charoenkrung ยังคงคอนเซปต์เดิม นั่นคือเมื่อสั่งเมนูอะไรก็ได้ 1 อย่าง จะได้ 1 เหรียญ มีมูลค่า 1 บาท นำมาหยอดลงกล่องเพื่อช่วยเหลือมูลนิธิหรือโครงการด้านผู้บกพร่องทางการได้ยิน ทางสายตา ผู้ป่วยโรคหัวใจ การแบ่งปันอาหาร องค์กรสิ่งแวดล้อม และมูลนิธิบรรเทาสาธารณะภัย เพราะจุดมุ่งหมายของ ออฟ-พงศ์ภัทร์ อานามนารถ อยากส่งต่อ ‘การรู้จักให้’ แก่ทุกคนที่เข้ามา ตามชื่อ อายตนะ ที่หมายถึง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อรู้จักให้ ตัวเราเองก็จะอิ่มเอมตามไปด้วย

เมนูแรกที่ต้องลองคือ Khao Lam Affogato เครื่องดื่มจากของอร่อยเมืองชลฯ เพียงราดเอสเปรสโซ่ช็อตลงไปบนไอศกรีมมะพร้าวสดก็จะได้รสชาติกาแฟกลมกล่อมที่ผสมผสานกับความหวาน แล้วยังมีข้าวหลามถั่วดำให้เคี้ยวหนึบหนับจนเผลอกินหมดถ้วยไม่รู้ตัว

ต่อด้วย Sense of Smooth กาแฟนมท็อปด้วยฟองนมหนานุ่มโรยผงซินนาม่อน ได้ทั้งรสสัมผัสนวลละมุนและความหอมโดดเด่นของอบเชย อีกแก้วที่ห้ามพลาดคือ Matcha Latte Samidori ที่นี่ใช้ชาเขียวออร์แกนิกส่งตรงจากญี่ปุ่น ไม่หวานจนเกินไป ถูกใจคนชอบรสชาติเข้มข้น ตัดเลี่ยนกับ Paris Brest ขนมทรงกลมที่แค่เห็นก็รู้ว่าแป้งกรอบมาก สอดไส้ด้วยครีมวานิลลาที่ตักเข้าปากแล้วหวานกรุบกรอบเข้ากัน รวมถึง Molten Chocolate Cake เค้กช็อกโกแลตที่โรยผงโกโก้จุใจจนแทบมองไม่เห็นจาน ได้สัมผัสเนียนลิ้น ชุ่มฉ่ำในปาก มีขายเฉพาะสาขาเจริญกรุงเท่านั้น 

ถนนข้าวหลาม

Mana Craft

สตูดิโองานคราฟต์และร้านอาหารเช้าบนตึกแถว 5 ชั้น

เดินเลียบถนนเจริญกรุงให้พอได้เหงื่อมาที่ถนนข้าวหลาม มีคาเฟ่และสตูดิโองานคราฟต์เปิดใหม่น่าทำความรู้จัก ชื่อว่า Mana Craft

พอผลักประตูเข้าไปภายในร้าน เราได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจว่า ทำไมลูกค้าส่วนใหญ่ถึงเป็นชาวต่างชาติ จนได้พูดคุยกับสามีภรรยาเจ้าของร้านอย่าง แมน-เมธา เดชะ และ หวอ-นลินา ตั้งกนกวิทยา จึงรู้ความจริงว่า ทั้งคู่เคยใช้ชีวิตที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นานถึง 8 ปี ร้านของพวกเขาจึงมีบรรยากาศไม่เหมือนอยู่เมืองไทย และถูกใจลูกค้าชาวต่างชาติที่สุด 

‘Mana’ (มานะ) มาจากชื่อลูกชายของพวกเขา ส่วน ‘Craft’ มาจากงานคราฟต์ที่ทั้งคู่ทำร่วมกันมา 17 ปี ภายใต้แบรนด์ Mon Studio เคยมีหน้าร้านที่ตลาดนัดจตุจักร ขายเสื้อผ้ามัดย้อมและข้าวของเซรามิก ก่อนจะย้ายมาหาความท้าทายใหม่ ๆ ในตึกแถว 5 ชั้นย่านประวัติศาสตร์

พอตั้งใจให้ชั้นแรกเป็นคาเฟ่ ทั้งคู่ก็เรียนรู้การทำขนมปังโฮมเมดอย่างจริงจัง คิดเมนูอาหารเช้าง่าย ๆ ที่ทานคู่กับกาแฟได้ และใช้ผักออร์แกนิกจากสวนของเพื่อนสนิททั้งหมด 

ส่วนชั้น 2 เป็น Mon Studio ร้านไซซ์มินิให้เดินเลือกซื้อสินค้าได้ มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่กลางโถงเป็นจุดทำเวิร์กช็อปที่ทั้งคู่เปิดสอนเป็นประจำ อย่างปีนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ทำเวิร์กช็อปสอนปั้นเซรามิกร่วมกับงาน Bangkok Design Week 2024 หากใครสนใจก็ติดตามรายละเอียดไว้ให้ดีนะ

แมนพาเราขึ้นบันไดมาที่ชั้น 3 พื้นที่ของชั้นนี้เป็นห้องโล่ง ๆ มีผนังสีขาวรอบด้านเหมือนแกลเลอรี เขาอยากให้เป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานของศิลปินไม่จำกัดแขนง แถมยังเปิดให้เช่าทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับงานคราฟต์อีกด้วย

เดินไปคุยไปจนถึง 2 ชั้นสุดท้ายที่กำลังจะเปิดเป็นห้องพัก ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่แมนลงมือทำเองทั้งหมด สะท้อนความเป็น Mana Craft ที่รังสรรค์จากช่างฝีมืออย่างตั้งใจ บรรยากาศภายในโล่ง โปร่ง สบาย ให้ความรู้สึกสงบ ลองคิดดูว่าถ้าได้มาพักผ่อนที่นี่สักคืน ตื่นมากินอาหารเช้า ทำกิจกรรมสนุก ๆ เดินชมแกลเลอรี คงจะมีความสุขไม่น้อยเลยล่ะ

ตลาดน้อย

The Warehouse

จากโกดังร้าง 30 ปี สู่ Community Entertainment ของคนรักของเก่า

เดินต่อมาอีก 5 นาทีจาก Mana Craft จะพบกับตึกแถวขนาด 5 คูหาเรียงชิดติดกัน หน้าตาคล้ายโกดังเก่า พอเงยหน้าขึ้นไปจึงได้พบกับป้าย ‘บริษัท ว่องไววิทย์ จำกัด’ บอกว่าที่นี่โกดังเก็บเครื่องจักร-เครื่องกลึงที่ใหญ่สุดในประเทศไทยที่ถูกปล่อยร้างมา 30 กว่าปี

เก่ง-สุริยา เสถียรศรี ผู้ก่อตั้ง The Warehouse ยิ้มต้อนรับเราก่อนเล่าว่า เขาชื่นชอบที่นี่ตั้งแต่แรกเห็น และอยากพัฒนาให้กลายเป็น Community Space ที่มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า บาร์ รวมถึงตลาดที่เปิดโอกาสให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้มีส่วนร่วม โดยภายในยังคงใช้โครงสร้างเดิมที่แข็งแรงดีสมกับที่สร้างมาเพื่อรองรับเครื่องจักรหนัก 

เก่งเป็นนักสะสมไวนิล ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ หลงใหลเครื่องเสียงวินเทจ แต่ละชั้นจึงมีคอนเซปต์ลำโพงแตกต่างกันไว้รองรับผู้คนที่หลากหลาย เช่น ชั้นล่างเปิดเพลง Techno House แอนะล็อกบาร์บนชั้น 2 เปิดเพลง Hip-hop ความพิเศษคือมีลำโพง JBL 4350 หนึ่งในลำโพงตัวท็อปยุค 1970 ที่ใช้ในสตูดิโอและห้องอัดเสียงใหญ่ระดับโลก

ในอนาคตเขาตั้งใจว่าจะทำให้ The Warehouse เป็นสถานที่ที่คนเข้ามาใช้เวลาได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น มีร้านอาหารที่เปิดถึงเที่ยงคืน มีบาร์ที่คนไม่ดื่มมานั่งฟังเพลงได้ มีห้องน้ำสาธารณะให้แวะเข้าฟรี ไปจนถึงเป็นอีกจุดนัดพบสำหรับคนรักรถโบราณและของเก่า

ซอยเจริญกรุง 35

The Corner House Bangkok

จากตึกรุ่นคุณตาสู่แหล่งรวมกิจกรรม งานสร้างสรรค์ และศิลปิน

เพียง 200 เมตรจาก The Warehouse จะเจอตึกสีส้มนามว่า ‘อาคารชัยพัฒนสิน’ อยู่ตรงหัวมุมสะพานพิทยเสถียร นี่คืออีกหนึ่ง Community Space เปิดใหม่ที่เต็มไปด้วยกิจกรรม อาหาร ดนตรี และงานสร้างสรรค์

เดิมอาคารชัยพัฒนสินเป็นโรงงานนํ้าอัดลมของ คุณตาเสริมชัย ศรีสมวงศ์ ต่อมากลายเป็นกิจการรองเท้า Jump Master และทายาทรุ่นหลานอย่าง แชมป์-สุกฤษฐิ์ และ ปิ๊ง-ฐิติภา ศรหิรัญ ก็แปลงโฉมให้เป็น ‘The Corner House’ พวกเขายืนยันชัดเจนว่า “ทุบของเก่าทิ้งไม่ได้ เราอยากให้ Architecture speaks itself.” 

เมื่อเดินเข้ามาบริเวณชั้น 1 ส่วนแรกที่ต้อนรับเราคือ densouvenir และบูทดีเจจาก Abandon Project ร้านและศิลปินสุดฮิปจากเชียงใหม่ มีร้านอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้บริการสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อน เดินต่อไปยังชั้น 2 จะเจอพื้นที่จัดนิทรรศการของเหล่าศิลปินเล็ก ๆ พร้อมกิจกรรมเวิร์กช็อปให้ได้ทดลองเป็นศิลปิน

ชั้น 3 นับว่าเป็นทีเด็ด เปิดประตู Such a Small World เข้าไปเจอแอร์ฉ่ำ ๆ มีเสียงเพลงจากแผ่นเสียง เกม และกิจกรรมฉายหนัง ทําให้ตึกเก่าแต่ยังเก๋ามีชีวิตชีวาขึ้น ถือเป็นพื้นที่ละลายพฤติกรรมชั้นยอดของเหล่านักสํารวจอย่างเรา ๆ ตามความตั้งใจของทายาทรุ่นหลานทั้งสองที่อยากให้ทุกคนเข้ามาสนุกสนานกับหลาย ๆ องค์ประกอบของที่นี่อย่างเต็มที่ 

สุดท้ายคือชั้น 4 ที่แม้จะยังไม่เปิดให้บริการครบวงจร แต่ทั้งคู่กระซิบว่าจะกลายเป็นบาร์กลางคืนที่มีเครื่องดื่มสูตรน้ำอัดลมจากรุ่นคุณตาด้วยนะ

ซอยเจริญกรุง 37

KUB Craft Studio

Community Space ของคนรักสตรีตอาร์ตและกราฟฟิตี้

โย่ว โย่ว

พามาเปลี่ยนแนวกันบ้างกับร้าน KUB Craft Studio ในซอยเจริญกรุง 37 ที่ต้อนรับเราด้วยกราฟฟิตี้สนุก ๆ ตลอดแนวกำแพง เพราะที่นี่เป็น Community Space ของคนรักงานศิลปะสายสตรีต แม้จะขนาบข้างด้วยร้านเฉาก๊วยและร้านเครื่องหนังก็ตาม

เติร์ก-ภีมวัจน์ มาลากุล ณ อยุธยา หรือที่รู้จักในวงการกราฟฟิตี้ว่า Youngpray เจ้าของร้านสุดเก๋ ผู้ชอบอะไรมัน ๆ แรงบันดาลใจของเขามาจากการเต้นสตรีตแดนซ์และการทำกราฟฟิตี้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมฮิปฮอปที่เขารัก ขณะเดียวกัน เขาก็มีนิสัยขี้เกรงใจ จนตั้งชื่อร้านว่า KUB Craft มาจากเสียง ครับ คร้าบ ที่คนไทยใช้กัน 

โครงสร้างร้านมาจากบ้านเก่าอายุ 80 ปี แต่ภายในตกแต่งด้วยงานสตรีตอาร์ตหลากสไตล์ เต็มไปด้วยการเพนต์กราฟฟิตี้สีสันจัดจ้าน เติร์กตั้งใจให้ที่นี่เป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจและแลกเปลี่ยนความคิดของคนรักศิลปะ เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้ลองแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง ผ่านกิจกรรม Mini Party, Mini Meeting, Art Pop-Up หรือโชว์สเตปเบรกแดนซ์กันอย่างสุดเหวี่ยงก็ทำมาแล้ว

ด้านในจำหน่ายสีสเปรย์ Montana Cans นำเข้าจากเยอรมนี มีหลายเฉดสีให้เลือกจนตาลาย พร้อมอุปกรณ์ทำงานกราฟฟิตี้และหัวสเปรย์ที่หลากหลายสำหรับรูปแบบการควบคุมสีที่แตกต่างกัน รวมถึงขายสติกเกอร์ กระเป๋า เสื้อผ้า และสินค้าหน้าตามัน ๆ ที่หายากในย่านนี้ ใครที่อยากนำของทำมือหรืองานคราฟต์มาฝากขายก็ติดต่อได้เลย หรือแค่อยากมาพักผ่อนสบาย ๆ ที่นี่ก็มีกาแฟขายด้วย 

พิเศษสุด ๆ หากใครอยากลองพ่นสีสเปรย์ สร้างผลงานศิลปะ หรือพ่นกำแพงสร้างชิ้นงานกราฟฟิตี้ ทักหาร้าน KUB Craft Studio เพื่อนัดวัน-เวลากันได้เลย

ซอยเจริญกรุง 26

ห้องสมุดประชาชี

ห้องสมุดแห่งการแลกเปลี่ยนที่ทำให้การอ่านเป็นเรื่องง่าย

มุ่งหน้าสู่ซอยเจริญกรุง 26 เดินเข้าไปไม่ถึง 50 เมตรจะพบกับห้องสมุดประชาชีขนาด 1 คูหา ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เจ้าของห้องสมุดอย่าง ลี-อัญชลี อนันตวัฒน์ และ ออดี้-กฤตธี ตัณฑสิทธิ์ เอ่ยคำทักทายเราด้วยอารมณ์ขบขัน

“เข้ามาได้ไม่กัด” เธอหัวเราะ

“เข้ามาได้นะครับ พวกเราใจดี” เขาหัวเราะดังกว่า

สมาชิกเหล่าชีอีกหนึ่งท่านที่ส่งใจข้ามทวีปมาจากประเทศเม็กซิโกคือ น้ำหวาน-วิรุฬห์วรรณ พิทักษ์ทอง

เราใช้สายตาสำรวจพื้นที่ก็พบว่าที่นี่เต็มไปด้วยหนังสือเฟมินิสต์ เควียร์ และเพศวิถีศึกษา ทั้งคู่เล่าว่ามาจากคอลเลกชันส่วนตัว เพื่อนสนิท และคนในชุมชนที่ร่วมกันบริจาค นำมาจัดวางตามประเภท Fiction และ Non-fiction มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีหนังสือธีมศิลปวัฒนธรรมและการเมือง แผ่นพับ สูจิบัตร รวมถึงแค็ตตาล็อกนิทรรศการศิลปะอีกมากมายจากทั่วโลก เดินไปด้านหลังผ้าม่านอีกนิดจะพบกับตู้เก็บหนังสือทำมือที่เก็บสะสมมานาน 

ที่นี่มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลายรูปแบบ เป็นทั้งห้องสมุด แกลเลอรี ไปจนถึงสถานที่พบปะ เพราะพวกเขาอยากก้าวข้ามความจริงจังของห้องสมุดที่ต้องดูขึงขังและเงียบสงบ แต่เพิ่มความสัมพันธ์ที่ผู้คนมีกับหนังสือ และทำให้การหาความรู้ไม่ใช่เรื่องยาก

ถ้าเราเข้ามาที่นี่ครั้งแรก คุณอยากแนะนำหนังสือเล่มไหนให้ – เราถาม

หากไม่ใช่สายอ่าน ออดี้แนะนำ Illustration Drawing หนังสือศิลปะเล่มล่าสุดของลี ส่วนเล่มที่ห้ามพลาดคือ The Cancer Journals โดย Audre Lorde นักเขียนชาวอเมริกันที่บันทึกช่วงชีวิตการเป็นมะเร็งเต้านม โยงไปสู่เรื่องการเคลื่อนไหวทางสังคมและร่างกายของผู้หญิง

ห้องสมุดประชาชีเตรียมเปิดขายหนังสือที่พวกเขาจัดทำขึ้นมาเองในงาน Bangkok Design Week 2024 นี้ด้วย ถ้าหากไม่ซื้อก็เข้ามาหยิบหนังสือนั่งอ่านเล่นได้ฟรี หรือเข้ามาแลกเปลี่ยนพูดคุยก็ยินดี

เชิญชมแค็ตตาล็อกก่อนได้ที่ www.libib.com/u/prachachee

ซอยเจริญกรุง 30

Maison CHAROENKRUNG

Selected Shop จาก 3 แบรนด์เพื่อนสนิท

ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องสมุดประชาชี เลี้ยวเข้าซอยเจริญกรุง 30 ตรงมาเรื่อย ๆ ร้านต่อไปอยู่ห่างจากทางเข้า Warehouse 30 ไม่ถึง 3 ก้าวเท่านั้น

Maison CHAROENKRUNG เริ่มต้นจาก 2 แบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Collector Project ของ เอก ทองประเสริฐ เจ้าของแบรนด์พ่วงนักสะสมผ้าที่มีผืนเดียวในโลก อย่างคอลเลกชัน Tea Towel Collage to The Shirts Collection ก็นำผ้าเช็ดจานเก่าที่รวบรวมจากหลายประเทศทั่วโลกมาทำคอลลาจให้เกิดลวดลายไม่ซ้ำกัน

และ Maison Wonder Anatomie ของ ป๊อบ-เฉลิมเกียรติ คติเกษมเลิศ เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าสุดขี้เล่นที่ได้ไอเดียมาจากการถ่ายรูปสิ่งละอันพันละน้อยในชีวิตประจำวัน จนต่อยอดออกมาเป็นเสื้อผ้า หมวก และกระเป๋า

ปิดท้ายด้วย Ma Chandelle แบรนด์เครื่องหอมของคนไทยที่มีกลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศสของ หวาย-พุฒิอมร อุณหะนันทน์ และ มาร์ช-ชัยวัฒน์ เอื้ออมรวนิช พวกเขาแนะนำกลิ่น Le Chao Phraya ที่มีขายเฉพาะร้านนี้เท่านั้น หอมเตะจมูกเราตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าร้าน ปัจจุบันกำลังเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ผิวกายด้วย 

“ทุกแบรนด์ต่างก็มีช็อปอยู่ในห้างสรรพสินค้ามาก่อน แต่เรามองว่าคนไม่ได้อยู่แค่ในห้าง เราอยากเจอกลุ่มคนที่ชื่นชอบในวัฒนธรรมหลากหลาย ซึ่งพื้นที่แบบนั้นคือเจริญกรุง” เอกเล่า

ซอยเจริญกรุง 43

ENTERTAINMENT Project

พื้นที่ส่งต่อแผ่นเสียงและบทสนทนาว่าด้วยเพลง

ถัดจากซอย 30 เดินข้ามถนนมุ่งไปทางทิศตะวันออก ระหว่างซอย 41 และ 43 จะพบกับตรอกเล็ก ๆ ที่ชวนสงสัยว่าข้างในนั้นมีอะไร เมื่อเดินเข้าไปแล้วพบว่าที่นี่คืออีกหนึ่งชุมชนลับในย่านเจริญกรุงที่มัดรวมร้านสุดแหวกแนวไว้ด้วยกัน

หนึ่งในนั้นคือ ENTERTAINMENT Project ร้านขายแผ่นเสียง คาเฟ่ และคอมมูนิตี้ของคนรักเสียงเพลง ก่อตั้งโดย แป๋ง-พิมพ์พร เมธชนัน นักร้องและมือกีตาร์วง Yellow Fang ที่ตัดสินใจเปิดร้านบนตึกไม้ 2 ชั้นด้วยกลิ่นอายเมืองเก่าและความเป็นส่วนตัวที่ไม่ติดถนน

ชั้นแรกคือพื้นที่รวบรวมแผ่นเสียงเพลงนอกกระเเส คัดสรรโดย HAVE YOU HEARD? Records แนวเพลง Alternative หรือ Indie ทุกประเภท ไม่ว่าจะป๊อป ร็อก แจ๊ส โซล อาร์แอนด์บี อิเล็กทรอนิก และคลับมิวสิก อย่างเพลงเฮ้าส์และเทคโน ก็มีให้เลือกช็อปทั้งมือหนึ่งมือสอง รวมถึงแผ่นเสียงเพลงไทยหายากจาก Baa Records ร้านดังในอินสตาแกรมที่ยังไม่มีหน้าร้าน

ทั้งหมดจัดเรียงไว้ตามประเภทและตัวอักษรในช่องบนโต๊ะไม้ วางเรียงรายตั้งแต่ข้างหน้าไปยันด้านในสุดของร้าน สิ่งนี้จึงทำให้คนรักเสียงเพลงมารวมตัวกันเพื่อค้นหาแผ่นเสียงยุคเก่าที่หาที่ไหนไม่ได้ พร้อมกับจิบเครื่องดื่มพรีไบโอติกอย่าง ‘คอมบูฉะ’ ชาหมักจากน้ำตาลและน้ำผึ้งด้วยกรรมวิธีแบบออร์แกนิก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีดีเจมาเปิดเพลงทุกคืนวันศุกร์เเละเสาร์ ให้บรรยากาศกึ่ง listening bar กึ่งคลับ เอาใจคนชอบเที่ยวกลางคืนแบบเบา ๆ

ในช่วง Bangkok Design Week 2024 ก็แวะมาฟังเพลงจากไลน์อัพดีเจที่นี่ได้ แถมมีเวิร์กช็อปพูดคุยเกี่ยวกับแผ่นเสียง ดนตรี เพลง และมีชั้นสองเป็นพื้นที่จัดรายการสดของสถานีวิทยุออนไลน์ Bangkok Community Radio ด้วยนะ

ซอยเจริญกรุง 43

Balzac

คาเฟ่วัฒนธรรมฝรั่งเศสและร้านหนังสือแห่งจิตวิญญาณ

Balzac คือร้านหนังสือฝรั่งเศสแห่งใหม่ในซอยเจริญกรุง 43 โดย ซาค-ชองโก ซาซา ฟาฟค์ (Zac-Chango Zaza Favre) ชายชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่รีโนเวตตึกเก่าให้เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมฝรั่งเศส-ไทย ผ่านหนังสือ คาเฟ่ และศิลปะ เข้ามาแล้วชวนให้รู้สึกว่ากำลังนั่งอยู่ในร้านคาเฟ่ริมถนน Boulevard Saint-Michel ในปารีส

ร้านนี้เป็นตึก 5 ชั้นก็จริง แต่ชั้นที่เปิดให้บริการมีเพียง 3 ชั้นเท่านั้น ได้แก่

ชั้นแรก โซนหนังสือฝรั่งเศสจัดวางตั้งแต่หน้าร้านยันทางเดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 โดยเฉพาะหนังสือ การผจญภัยของตินติน (Les Aventures de Tintin) ที่มองไปทางไหนก็เจอ ซาคเชื่อว่า ตินติน เป็นฮีโร่แห่งการผจญภัยสำหรับทุกวัยและโด่งดังไปทั่วโลก ทั้งยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อโลกการ์ตูน

ชั้น 2 โซนดนตรี เต็มไปด้วยแผ่นเสียงของ Brassens หรือ Brel และซีดีเพลงฝรั่งเศสหลากหลายสไตล์ เช่ากลับไปฟังที่บ้านได้ด้วยนะ

ชั้น 3 โซนฉายภาพยนตร์ฝรั่งเศสตั้งแต่ยุค 1950 ฉายทั้งจอโปรเจกเตอร์บนผนังและจอทีวีตรงคานบันได ใครอยากดูเรื่องไหนก็หยิบแผ่นใส่เครื่องเล่นได้เลย

ก่อนบทสนทนาจบลง ซาคเล่าให้ฟังว่า การรีโนเวตร้านทั้งหมดนี้เกิดจากผู้รับเหมาชาวไทยเพียงคนเดียวที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทั้งคู่สื่อสารกันผ่านสายตาเท่านั้น แต่จบโปรเจกต์ก็ได้กลายมาเป็นเพื่อนกันในที่สุด นี่คงเป็นความหมายของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมตามที่เขาบอกเราในตอนแรก

แม้ว่าทางร้านยังไม่ได้เข้าร่วมในเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ รอบนี้ แต่ที่นี่มีนิทรรศการให้ร่วมสนุกอยู่เรื่อย ๆ ติดตามข่าวสารได้ที่ Instagram : Balzacbangkok นะ

ซอยเจริญกรุง 38

Araksa Tea Room

ห้องชาจากเชียงใหม่ที่ผสมผสานกลิ่นอายไทย-สากล

ชวนมาพักเหนื่อย จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ หลังเดินมาทั้งวัน ที่ Araksa Tea Room ร้านชาจากเจียงใหม่ในตึกสีขาวสะอาดตา โดดเด่นอยู่ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องสุดคลาสสิกในซอยเจริญกรุง 38

ชื่อร้านอ่านว่า อรักษ แปลว่า ปกป้อง ดูแล รักษา เพราะ แอน-ชนัญญา ภัทรประสิทธิ์ ผู้ก่อตั้ง อยากให้ร้านนี้ดูแลรักษาสุขภาพของลูกค้า และช่วยปกป้องชุมชนที่ทำงานในไร่ชาด้วยเช่นกัน

เธอแนะนำร้านด้วยการเสิร์ฟ ‘จอย (Joy)’ ชาดำเบลนด์กับดอกจำปี มีกลิ่นหอมฟุ้งของดอกไม้ ขณะเดียวกันก็รสเข้มติดปลายลิ้น เหมือนกับอรักษที่ผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับสากล เพราะเอกลักษณ์อรักษ คือการเลือกใช้วัตถุดิบไทย อย่างข้าวดอย ดอกจำปี อัญชัน หรือดอกดาหลา

ที่นี่มีเมนู Tea-based Cocktail ค็อกเทลผสมชา เช่น ‘อยุธยา’ เครื่องดื่มสีม่วงจากชาดอกอัญชันและตะไคร้ แต่งแต้มด้วยทองสีอร่ามบนแก้ว ดื่มแล้วสดชื่น แปลกใหม่แบบที่ไม่เคยดื่มที่ไหนมาก่อน

ถ้าอยากฝากท้องต่อ Araksa Tea Room มีทั้งเมนูทั่วไปจนถึงเมนูสำหรับคนกินมังสวิรัติ เราขอแนะนำเมนูข้าวยำสมุนไพร ข้าวสีฟ้าจากอัญชันและสีเหลืองจากขมิ้น คลุกรวมกันกับสมุนไพรหลายชนิด ให้รสสัมผัสแตกต่างกันไปในทุกคำ ตบท้ายด้วยการจิบชาเบา ๆ เป็นอันจบมื้ออย่างสมบูรณ์แบบ

เดินย่อยสักหน่อยบนชั้น 2 ของร้าน เป็นโซนขายสินค้าแบรนด์ Araksa จากฝีมือคนในชุมชน ทั้งชาติพันธุ์ม้ง กลุ่มทอผ้าไทลื้อ และศิลปินอิสระในเชียงใหม่ มีตั้งแต่นาฬิกาทรายนับเวลาชงชา ไปจนถึงสบู่ที่มีชาเป็นส่วนผสม รับรองถ้าใครมาห้องชาแห่งนี้จะรู้เลยว่าชาไม่ได้มีดีแค่ชงเพียงอย่างเดียวแน่นอน

ซอยเจริญกรุง 71

DORIC ORDERs

ร้านเสื้อผ้าสไตล์วินเทจของคู่รักสุดเท่

เอาเข้าจริง ย่านเจริญกรุงขึ้นชื่อเรื่องของกิน เมืองเก่า แต่น้อยนักที่จะเห็นร้านเสื้อผ้า

เราขอปิดท้ายด้วย DORIC ORDERs ร้านเสื้อผ้าวินเทจของ พลอย-จินตนาการ หาดี และ เจมส์-ไพโรจน์ ทองเงิน คู่รักที่โลดแล่นอยู่ในวงการวินเทจมานานกว่า 10 ปี 

ร้านของพวกเขาไม่ใหญ่มาก ชั้นแรกแบ่งเป็นโซนขายสินค้าจิปาถะ ถ้วย ชาม เซรามิก และเครื่องแต่งกาย แต่พอเดินขึ้นไปชั้น 2 โอ้โห เหมือนอยู่คนละโลก เพราะอัดแน่นด้วยเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ จนเราต้องขอเดินล่าขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในราวแขวนเสื้อ

เจมส์เล่าว่าเขาเปรียบร้านนี้เป็นเหมือนงานศิลปะ ด้วยโครงสร้างตึกเก่าและบรรยากาศแวดล้อม จึงอยากให้ลูกค้าเข้ามาแล้วเหมือนได้เสพงานศิลป์ เขาสนุกกับการแต่งร้านมาก ถึงขั้นเปลี่ยนหน้าร้านเดือนละครั้งก็ว่าได้ 

พลอยเองก็มองว่าเสื้อผ้าเป็นงานศิลปะ เพียงแต่มันเคลื่อนที่ไปพร้อมกันกับตัวเรา ใครบอกว่าแปลกก็ยิ้มให้ ใครบอกว่าสวยก็แฮปปี้ เช่นเดียวกับพวกเขาที่ตกหลุมรักกันเพราะสนใจการแต่งตัวของกันและกันตั้งแต่แรกพบ จนทำร้านนี้ด้วยกันเข้าปีที่ 4

สําหรับเรา นี่เป็นร้านที่เราสนุกกับการแต่งตัวมากที่สุด ทั้งคู่ให้อิสระเราในการเลือกเสื้อผ้ามาก ๆ แนะนำอย่างดี ราคาก็น่ารัก บอกเลยว่าชาววินเทจไม่ควรพลาดร้านนี้ จะแวะมาซื้อของกระจุกกระจิก หรือพูดคุยเรื่องเสื้อผ้ากับเจ้าของร้านเฉย ๆ ก็ยังได้

“โดนแล้วเหรอ” เจมส์แซวเราก่อนกลับ เพราะอดใจไม่ไหวจนต้องซื้อแก้วเซรามิกกลับไปด้วย

เรื่อง : ชนิสรา ไชยจะแสนสุข, พิชามญชุ์ ทองเปี่ยม, ชลิตา สามหาดไทย, กัญญมล ทรงศิริภัทร, ปารินี รุ่งโรจน์ชัย